SMART เผยภาพรวมธุรกิจปี 61 แนวโน้มดี รับอานิสงส์ EEC เอกชนส่งสัญญาณฟื้นตัว ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทยอยเปิดโครงการใหม่ ชูกลยุทธ์เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 28, 2018 12:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--Worklink PR SMART เผยภาพรวมธุรกิจปี 61 แนวโน้มดี รับอานิสงส์ EEC เอกชนส่งสัญญาณฟื้นตัว ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทยอยเปิดโครงการใหม่ ชูกลยุทธ์เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในประเทศ หลังกระแสตอบรับสินค้า อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่ง หนุนยอดขายโต เร่งส่งสินค้าวางจำหน่ายโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ โต10 % หรือ 340 ล้านบาท เผยผลประกอบการปี 60 รายได้รวม 308.48 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 74.176 ล้านบาท นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคารเปิดเผยว่า ความต้องการใช้วัสดุอิฐมวลเบาปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลจากการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เริ่มมีการลงทุนเปิดโครงการใหม่มากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560 ที่ผ่านมา ปริมาณความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ราคาจำหน่ายทยอยมีการปรับขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อสร้างการเติบโต โดยเน้นการขยายฐานลูกค้าในประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนหลายประการ โดยจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงการต่างๆจำนวนมาก อีกทั้งจะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า "อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่ง" ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างชั้นนำ เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย สถาปนิก ผู้รับเหมา ปัจจุบันได้วางจำหน่ายสินค้าในร้านไทวัสดุ จำนวน 43 สาขา และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุกว่า 30 ราย จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้การกระจายสินค้ามีความครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV ที่ผ่านมาบริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว ซึ่งบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 2 % "คาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยตั้งเป้าหมายรายได้ 340 ล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 10%และเริ่มกลับมามีกำไรสุทธิ สัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 30 % ภาคเอกชน 60 %และช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์และโมเดิร์นเทรด10 % ซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ที่มีการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ"นายรังสี กล่าว ทั้งนี้ผลประกอบการปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 308.48 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 313.85 ล้านบาท จำนวน 5.37 ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิ74.176 ล้านบาท สาเหตุที่ผลประกอบการลดลง มาจากการชะลอตัวของโครงการภาครัฐและภาคเอกชน ส่งผลให้รายได้และกำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่เกิดขึ้นในปี 2560

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ