กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--IR network
FC กางแผนดำเนินธุรกิจปี 2561 เบนเข็มสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน หวังพลิกปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน ทำให้ผลงานพลิกมีกำไร ขณะที่คาดจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทันที หลังล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง ด้านผู้บริหาร "นราวดี วรวณิชชา" ระบุศักยภาพกลุ่มทุนใหม่ช่วยปรับโฉมบริษัทให้ดีขึ้น พร้อมแจงผลประกอบการปี 2560 ขาดทุน 943.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.81% จากงวดเดียวกันปี เหตุต้องรับภาระต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจเดิมที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานบริษัทฯ นั่นคือจะมีกลุ่มทุนใหม่ซึ่งนำโดยนายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ และนายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และร่วมบริหารงาน โดยภายหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเสร็จเรียบร้อย กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่จะถือหุ้นใน FC ประมาณร้อยละ 87.45 หลังจากนั้นบริษัทฯ จะเปลี่ยนธุรกิจไปสู่พลังงานทดแทน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้ในอนาคต ประกอบกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 91.7 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปตั้งแต่ปี 2557 และยังมี PPA ในมือแล้วอีก 14.64 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอลงนาม
"ธุรกิจอาหารก็จะทยอยขายออกไปเพื่อลดภาระของบริษัทฯ เพราะหากย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2556 มีผลขาดทุนมาโดยต่อเนื่องและยอดขาดทุนก็พอกพูนมากขึ้นทุกปี เราจึงเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่คือพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไร ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนการจำหน่ายไฟฟ้าในอนาคต ถ้าได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้วบริษัทฯ ก็พร้อมเดินหน้าทำงานตามที่กำหนดเป้าหมายไว้ทันที"
นางสาวนราวดีกล่าวต่อว่าในอนาคตหาก FC สามารถล้างขาดทุนหมดเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯก็เตรียมที่จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในทันทีตามนโยบายคือไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่นๆ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมทั้งสิ้น 703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4 ล้านบาท หรือ 3% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 ที่ทำได้ 683.6 ล้านบาท และขาดทุน 943.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 519.96 ล้านบาท หรือ 122.81% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 423.36 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ในเดือนสิงหาคม 2559 ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น สำหรับปีปัจจุบันมีจำนวน 857.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 484.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 130 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 373.5 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าของเงินลงทุนใน Red Planet Hotels Limited จำนวน 348ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องตามมูลค่าที่ประเมินใหม่ของเงินลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมเพิ่มเติมจำนวน 137.1ล้านบาท และได้บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้จากการขายเงินลงทุนจำนวน 37 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นขาดทุนที่ไม่เป็นตัวเงินและไม่เกิดขึ้นประจำ