กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์' หรือ asap ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจร รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) โชว์ผลงานปี 60 ทำรายได้ 2,141.91 ล้านบาท เติบโต 46.76% ตามแผนงานที่วางไว้ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 150.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.95% หลังธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่และรายเดิมที่ต่อสัญญาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้านบอร์ดบริหาร asap อนุมัติจ่ายปันผลรวม 0.0556 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นการจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผลหรือคิดเป็นอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา0.0056 บาทต่อหุ้น ขณะที่แผนดำเนินงานปี 61 ตั้งเป้าเติบโต 30% จากแผนขยายพอร์ตรถยนต์ให้เช่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ ภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,141.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.76% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,459.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 150.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.95% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 69.83 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานมาจากความสำเร็จในการขยายธุรกิจให้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะยาว รถยนต์ให้เช่าระยะสั้น รถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวถือเป็นสัดส่วนรายได้มากที่สุด คิดเป็น 95% ของรายได้รวม ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี จากขีดความสามารถด้านการให้บริการรถยนต์ให้เช่าภายใต้ asap ที่ดี ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม รวมถึงฐานลูกค้ากลุ่มเดิมก็ให้ความไว้วางใจในการต่อสัญญาใช้บริการเช่ารถยนต์ระยะยาวกับทาง asap อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นนั้น ก็มีอัตราเติบโตที่โดดเด่นขึ้นจากการขยายจุดให้บริการไปยังสนามบินต่าง ๆ เพิ่มเติมรวมเป็น 7 แห่งในปีนี้ พร้อมกับการสร้างการรับรู้ถึงจุดขายด้านการให้บริการภายใต้แนวคิด "รถใหม่
ไมล์น้อย" ทำให้ลูกค้าทั้งชาวไทยรวมถึงชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มเติม ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเข้าสู่จุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าแผน
ขณะที่ในปี 2560 บริษัทฯ ได้เพิ่มฟลีทรถยนต์ให้เช่าเพื่อรองรับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 asap มีจำนวนรถยนต์ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 10,559 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ให้เช่าระยะยาว 9,970 คัน รถยนต์ให้เช่าระยะสั้น 410 คัน รถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ 130 คัน และรถยนต์ให้เช่าผ่านแอปพลิเคชัน 49 คัน
"ในปี 2560 เราสามารถผลักดันการเติบโตได้ตามแผน จากการดำเนินธุรกิจรถยนต์ให้เช่าภายใต้แบรนด์ asap ที่ประสบความสำเร็จได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า รวมถึงการจำหน่ายรถยนต์ที่ครบสัญญาที่ได้รับปัจจัยบวกจากตลาดรถมือสองที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการจำหน่ายรถครบสัญญาผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทำให้ราคาขายต่อหน่วยและความสามารถในการทำกำไรต่อคันที่ดีขึ้น จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ asap เติบโตได้เป็นอย่างดี" นายทรงวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ จากความสำเร็จดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานในปี 2560 แก่ผู้ถือหุ้นรวม 36,696,000 บาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0556 บาท หรือร้อยละ 24.33 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการปี 2560 โดยแบ่งเป็นการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 66,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นการจ่ายปันผลอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 33,000,000 บาท ซึ่งเศษของหุ้นจะถูกตัดทิ้ง และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0056 บาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,696,000 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 มีนาคม2561 และกำหนดให้วันที่ 15 มีนาคม 2561 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) ก่อนจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 เพื่อตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASAP กล่าวว่า ส่วนเป้าหมายการดำเนินในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 30% โดยมีปัจจัยจากแผนการดำเนินงานที่จะขยายพอร์ตรถยนต์ให้เช่าอีกประมาณ 20-30% หรือประมาณ 5,500 คัน เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ ที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติม และรวมถึงรถยนต์ครบสัญญาการเช่าที่ asap จะนำกลับมาจำหน่ายในรูปแบบรถมือสอง 1,500 คัน ซึ่งคาดว่าจะทำราคาขายและกำไรต่อหน่วยจากการจำหน่ายรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่าได้ดีขึ้น หลังจากบริษัทฯ ขยายช่องทางการขายรถที่ครบสัญญาการเช่าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงช่วยสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตด้านผลการดำเนินงานปี 2561 ได้เป็นอย่างดี