แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในช่วงปลายปี 2550

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday October 31, 2007 10:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
จากรายงานด้านธุรกิจโรงแรมไทยฉบับล่าสุด ของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังประเทศไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2550 เพิ่มขึ้นเพียง 2.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2549 ถึงแม้ว่าตลาดโรงแรมสไตล์รีสอร์ทในจังหวัดท่องเที่ยวหลายจังหวัดของไทยมีผลการดำเนินงานที่ดี ทว่าโรงแรมในกรุงเทพมหานครกลับประสบกับปัญหาอัตราการเข้าพักในระดับที่ต่ำกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการก่อสร้างโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯและแหล่งพักตากอากาศอีกหลายแห่ง ทั้งนี้เนื่องจากนักลงทุนและผู้ประกอบการด้านโรงแรมจากต่างประเทศยังคงมองว่า ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว ถึงแม้จะมีปัจจัยลบมากระทบต่อการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาทำให้ตลาดมีการชะลอตัวลงไปบ้างก็ตาม
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2550 มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 9.59 ล้าน จากจำนวน 9.37 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเพิ่มขึ้น 14.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ชาวเอเชียตะวันออกลดลง 3.9% และชาวเอเชียใต้เพิ่มขึ้น 10.5% โดยเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
ประเทศไทยประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดใหม่ๆหลายแห่ง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็น 139,000 คนในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงถึง 51% จากปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียกำลังเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเข้ามาในประเทศราว 265,000 คนในช่วง 6 เดือนแรก คิดเป็นอัตราการเพิ่ม 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง เพิ่มมากขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากที่อื่นๆยังไม่ดีนัก อาทิ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียลดลง 12% ชาวญี่ปุ่นลดลง 7% และชาวจีนลดลง 18% จีนเป็นประเทศหนึ่งในแถบเอเชียที่ตลาดเติบโตเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะมีชาวจีนราว 37 ล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศภายในปีนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ประเทศไทยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เพียง 2% ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมดที่ไปเที่ยวยังต่างประเทศ
“เราคาดว่าในปี 2550 อัตราการเข้าพักโดยรวมของโรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว ในกรุงเทพฯ จะอยู่ที่ระดับ70% เท่านั้น ในขณะที่ในปี 2549 อยู่ที่ระดับ 75%” นายนวพล วิริยะกุลกิจ หัวหน้าฝ่ายวิจัย ของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส กล่าว เหตุผลที่ทำให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมอยู่ในระดับต่ำก็เป็นผลเนื่องมาจากความไม่มั่นคงทางด้านการเมือง เหตุการณ์ระเบิดในช่วงคืนก่อนวันปีใหม่ และสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้มีการยกเลิกการจองห้องพักเป็นจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ อัตราค่าห้องพักโดยเฉลี่ยของโรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว ในกรุงเทพฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2% ต่อปีเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาท แต่การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐส่งผลให้อัตราค่าห้องพักในสกุลดอลล่าร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอัตราค่าห้องพักในช่วงปลายปี 2550 จะแตะที่ระดับ 170 ดอลล่าร์สหรัฐต่อคืน ซึ่งอัตราในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 158 ดอลล่าร์สหรัฐต่อคืน โรงแรมบางแห่งเตรียมที่จะเปลี่ยนอัตราค่าห้องพักจากสกุลดอลล่าร์สหรัฐมาเป็นสกุลเงินบาท เนื่องจากค่าเงินบาทของไทยที่แข็งขึ้น โรงแรมระดับหรู (5 - 6 ดาว) โดยทั่วไปมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่า 5,500 บาทต่อคืน ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับเฟิร์สคลาส (4 ดาว) อยู่ที่ระดับ 4,500 — 5,500 บาทต่อคืน
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส คาดการณ์ว่า ในปี 2551 จะมีห้องพักภายในโรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว ที่จะแล้วเสร็จอีกกว่า 2,000 ห้อง ซึ่งจะทำให้ปริมาณห้องพักเพิ่มขึ้นถึง 24% จากปี 2550 โดยโรงแรมขนาดใหญ่ที่จะแล้วเสร็จในปีหน้า ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บริเวณเซ็นทรัลเวิร์ล โรงแรมเดอะ รีเจนท์ กรุงเทพ และโรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท กรุงเทพ ซึ่งจะส่งผลให้มีการแข่งขันในตลาดโรงแรมมากยิ่งขึ้นในปี 2551
สำหรับเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯก็มีการแข่งขันกับโรงแรมเช่นเดียวกัน โดยหลายแห่งเสนออัตราค่าเช่าห้องพักแบบรายวัน ณ สิ้นปี 2550 นี้ คาดว่าจะมีปริมาณเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์รวมทั้งสิ้น 10,000 ยูนิต และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ยูนิตในปี 2551 การที่มีปริมาณเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เพิ่มมากขึ้นนั้นมีนัยว่า จะมีเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ที่ต้องการรับลูกค้ารายวันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการแข่งขันกับโรงแรมที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ด้านผู้ประกอบการโรงแรมจากต่างประเทศไม่เพียงแต่ต้องการให้มีแบรนด์โรงแรมของตนในกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแหล่งที่พักตากอากาศแห่งอื่นๆด้วย อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสมุย เมื่อไม่นานมานี้ เครือสตาร์วูดได้ประกาศว่าจะเปิดดำเนินการโรงแรมเซนต์ รีจิส ในกรุงเทพฯ และโรงแรมดับเบิลยู ในกรุงเทพฯและสมุย
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า การเติบโตในด้านปริมาณเครือโรงแรมระดับสากลจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยทั้งในด้านการช่วยยกระดับคุณภาพของโรงแรม และในด้านการสร้างอำนาจทางการตลาดโดยเครือโรงแรมดังกล่าวในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย
จากนี้ไป การแข่งขันของตลาดท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียจะมีมากยิ่งขึ้น อินเดียและเวียดนามถือได้ว่าเป็นคู่แข่งใหม่ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น แม้ประเทศไทยประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในตลาดยุโรปและตลาดใหม่อย่างรัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง แต่ก็ประสบกับปัญหาปริมาณนักท่องเที่ยวจากแถบในเอเชียตะวันออกที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน
เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส พร้อมด้วยบุคลากร 29,000 คนในสำนักงานมากกว่า 300 สาขาที่ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อยทั่วโลก
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดดำเนินการครั้งแรกในกรุงเทพมหนครเมื่อปีพ.ศ.2531 และเปิดสาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม วิลล่า อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:นายนวพล วิริยะกุลกิจหัวหน้าฝ่ายวิจัย 02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัสผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร02 654 1111 ต่อ 522

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ