ปภ. แนะวิธีป้องกันและการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้รถ

ข่าวทั่วไป Wednesday October 24, 2007 10:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะวิธีป้องกันและปฏิบัติตนเมื่อเกิดเพลิงไหม้รถ หากรถกำลังวิ่งอยู่ ให้รีบนำรถเข้าข้างทางทันที หากรถใช้ระบบก๊าซ LPG หรือ NGV ให้ปิดวาล์วจ่ายก๊าซที่ถังก่อน และฉีดผงเคมีดับเพลิงเข้าไปบริเวณต้นเพลิงหากไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่สำคัญควรขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. และพกขวดน้ำเปล่าหรือถังดับเพลิงเคมีขนาดเล็กไว้ประจำรถเพื่อใช้ดับเพลิงในเบื้องต้น
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 พบว่าผู้ที่ติดอยู่ในรถมักเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กรณีเกิดเพลิงไหม้รถขณะรถกำลังวิ่ง ให้รีบนำรถเข้าข้างทาง ปิดสวิทช์ ดับเครื่องยนต์ พร้อมเปิดตัวล๊อกฝากระโปรง (ยังไม่ควรเปิด) รีบแจ้งผู้โดยสารให้ทราบเพื่อถอยไปให้ห่างจากรถไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัย หลังจากนั้นให้รีบออกจากรถ หากรถใช้ระบบก๊าซ LPG หรือ NGVให้ปิดวาล์วจ่ายก๊าซที่ถัง
ถ้าเป็นวาล์วอัตโนมัติให้เปิดฝากระโปรงแบบแง้มๆ พร้อมตรวจดูว่าต้นเพลิงมาจากบริเวณใด แล้วรีบนำเครื่องมือดับเพลิง(ผงเคมีดับไฟหรือHalon) ฉีดเข้าไปบริเวณต้นเพลิงจนแน่ใจว่าเพลิงดับสนิท เมื่อเพลิงดับแล้วควรตรวจสอบสายน้ำมันเชื้อเพลิง หรือท่อ LPG ว่าชำรุดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีการรั่วไหลให้ดำเนินการอุดเพื่อไม่ให้เชื้อเพลิงรั่วไหลออกมาและต้องสังเกตดูว่าไม่มีประกายไฟบริเวณเครื่องยนต์ กรณีผู้ขับขี่ไม่มีอุปกรณ์ดับเพลิงติดรถ ควรพกขวดน้ำเปล่าประมาณ 1 ลิตร สักขวดสองขวด ติดไว้ในรถ หากเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้ปลายปากกา หรือของแหลมมีคม เจาะปากขวดเป็นรูเล็กๆแล้วบีบขวดเพื่อให้น้ำพุ่งไปที่แหล่งความร้อน แต่ไม่ควรบีบเพียงครั้งเดียวหมด ให้ใช้วิธีบีบแล้วหยุด จนน้ำไม่กลายเป็นไอ เพราะน้ำมีจำกัดควรใช้น้ำให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้รถหากเกิดอุบัติเหตุ คือ การขับรถด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ จากมาตรฐานการทดสอบที่ทั่วโลกยอมรับ ความเร็ว ณ วินาทีปะทะเมื่อเกิดอุบัติเหตุอยู่ในช่วง 50 — 65 กม./ชม. จะไม่เกิดเพลิงไหม้รถเพราะจากข้อมูล พบว่า แม้ปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่จะใช้ความเร็วเกินกว่านี้ก็ตาม แต่เกือบทุกกรณีผู้ขับขี่จะทำการเบรกก่อน ซึ่งความเร็วระดับดังกล่าวเมื่อเกิดการชนจะไม่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้อย่างแน่นอน ดังนั้นการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่เกิน 90 กม./ชม. จึงเป็นความเร็วที่ปลอดภัยที่สุด ที่สำคัญ ผู้ขับขี่ต้องมีสติ ไม่ประมาท ไม่ขับรถเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดโอกาสและความเสี่ยงจากการเกิดเพลิงไหม้รถได้ นอกจากนี้ หากรถประสบอุบัติเหตุรุนแรง และยังคงมีสติอยู่ ควรรีบหนีออกจากบริเวณรถ เพื่อป้องกันรถระเบิดและเกิดเหตุเพลิงไหม้รถตามมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ