กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 05 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,324.90-1,327.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,750บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,870 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,760 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.24 น. ของวันที่ 05/03/61)
แนวโน้มวันที่ 06 มีนาคม 2561
พรรค Social Democrats (SPD) ของเยอรมนีสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยมของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ส่งผลให้เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป หลุดพ้นจากภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ดำเนินมา นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2560 ซึ่งช่วยลดความผัวผวนของสกุลเงินยูโร เพราะผลการเลือกตั้ง เบื้องต้นของอิตาลีบ่งชี้ถึงโอกาสที่ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภา ซึ่งอิตาลีมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยุโรป ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ ขณะที่ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทรงตัวในระดับสูง โดยได้รับแรงหนุนจากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐเดินหน้ากำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม เมื่อ ปธน. ทรัมป์ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หากสหภาพยุโรป (EU) ตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ นักลงทุนต้องการลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง ท่ามกลางความคาดหมายว่าคู่ค้าต่างๆ จะตอบโต้สหรัฐ เมื่อประเด็นสงครามการค้าชัดเจนขึ้นเห็นได้จากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 ปรับลดลงไป 2% ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลง 3% และดัชนี Nasdaq Composite ปรับลดลง 1% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และดัชนี STOXX ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง 3.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยความตึงเครียดด้านการค้ายังคงดำเนินต่อไป เมื่อนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยืนยันว่า ในแผนกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ไม่ได้พิจารณายกเว้นมาตรการดังกล่าวต่อประเทศใด อย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยดังกล่าวมาแล้วค่อนข้างมาก แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัวลงเพื่อหวังทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,316-1,308 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแบ่งทองคำออกขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,308 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,316 (19,500บาท) 1,308 (19,400บาท) 1,294 (19,200บาท)
แนวต้าน 1,333 (19,800บาท) 1,345 (20,000บาท) 1,356 (20,150บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,316 (19,710บาท) 1,308 (19,590บาท) 1,294 (19,380บาท)
แนวต้าน 1,333 (19,970บาท) 1,345 (20,150บาท) 1,356 (20,310บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999