กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--หอการค้าไทย
ที่ประชุม กกร. เห็นว่า แม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ค่าเงินดอลลาร์ฯ ยังคงอ่อนค่า เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของทางการสหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเริ่มปรับขึ้นในการประชุม FOMC วันที่ 20-21 มีนาคมนี้
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปี 2561 ยังคงบ่งชี้ถึงแรงส่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 สะท้อนจากการขยายตัวสูงของการส่งออกและการท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2561 อีกทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นแม้ว่าจะยังไม่แข็งแรงนักก็ตาม ขณะที่ เป็นที่สังเกตว่า การลงทุนของภาครัฐในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 หดตัว 6.0% (YoY) สะท้อนเม็ดเงินจากภาครัฐที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมีความล่าช้า ซึ่งนอกจากจะเป็นผลของการเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อนหน้าแล้ว ยังน่าจะเป็นผลมาจากขั้นตอนการเบิกจ่ายภายหลังการบังคับใช้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่
ในระยะถัดไป กกร. มองว่า นอกจากความผันผวนของค่าเงินที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยแล้ว ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการค้าของไทย จากการดำเนินมาตรการปกป้องการค้าของสหรัฐฯ และการที่หลายๆ เศรษฐกิจหลัก อาทิ สหภาพยุโรป แคนาดา จีน เกาหลีใต้ อาจจะดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้า ซึ่งในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อการผลิต-การค้า และราคาของสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในตลาดโลก นอกจากนี้ กกร. มีประเด็นกังวลต่อความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐซึ่งที่ผ่านมาอาจยังมีข้อติดขัด จึงต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ เพราะหากการเบิกจ่ายสามารถทำได้ราบรื่นมากขึ้น จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเข้าถึงและการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้
จากแรงส่งและปัจจัยที่ต้องติดตามข้างต้น ณ ขณะนี้ กกร. จึงยังคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและการส่งออกในปี 2561 ไว้ตามเดิมที่ 3.8-4.5% และ 3.5-6.0% ตามลำดับ