กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 06 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,319.40-1,324.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,750 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,780 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.07 น. ของวันที่ 06/03/61)
แนวโน้มวันที่ 07 มีนาคม 2561
สมาชิกพรรครีพับลิกันอาวุโส แนะนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ว่าไม่ควรบังคับใช้ภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม และ ปธน.ทรัมป์เผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากพันธมิตรทางการเมืองและการทูต ขณะที่ภายในทำเนียบขาว ยังดูเหมือนว่ามีความสับสนเกี่ยวกับกำหนดเวลาและระดับของแผนภาษีที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพันธมิตร อาทิ แคนาดา และเม็กซิโก สถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มความหวังที่ว่าอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าทั่วโลกได้ จนดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น และสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการสรุปแผนภาษีในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ แม้ว่าผู้สังเกตการณ์บางคนที่คุ้นเคยกับกระบวนการกล่าวว่า อาจจะมีการสรุปในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นนักลงทุนเริ่มมองว่าคำขู่เรื่องการกำหนดภาษีเป็นเครื่องมือการเจรจาเพื่อปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ทั้งนี้ราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่มาก เนื่องจากนักลงทุน จับตาปธน.ทรัมป์ ที่อาจเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งใหม่ในนครเยรูซาเลมเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่สถานการณ์การเมืองในอิตาลีอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับเยอรมนี รัฐสภาอิตาลีจะประชุมครั้งแรกในวันที่ 23 มี.ค.แต่ประเมินกันว่าประธานาธิบดีแซร์จิโอ มัตตาเรลลา ของอิตาลีจะไม่เจรจาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการกระทั่งถึงช่วงต้นเดือนเม.ย. ความผันผวนทางการเมืองที่ยืดเยื้อออกไป ส่งผลลบต่อสกุลเงินยูโรและราคาทองคำ ทั้งนี้แนะนำติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP Employer Services และการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของสหรัฐ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อใช้คาดการณ์การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทั้งนี้หากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่ต่ำกว่าบริเวณ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากมีแรงซื้อกลับเข้ามาค่อนข้างหนาแน่น มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นทดสอบแนวต้านในบริเวณ 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่อาจออกมาเพิ่มขึ้น อาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,316 (19,500บาท) 1,308 (19,400บาท) 1,294 (19,200บาท)
แนวต้าน 1,333 (19,800บาท) 1,345 (20,000บาท) 1,356 (20,150บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,316 (19,700บาท) 1,308 (19,580บาท) 1,294 (19,370บาท)
แนวต้าน 1,333 (19,960บาท) 1,345 (20,140บาท) 1,356 (20,300บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999