กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--เมืองไทยประกันชีวิต
เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ dtac accelerate ในโครงการดีแทคแอคเซอเลอเรท batch 6 เป็นปีที่ 2 เพื่อร่วมพัฒนาและผลักดันสตาร์ทอัพในประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับโลกได้
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันชีวิตยังคงดำเนินอยู่บนความท้าทาย เพราะการดำเนินธุรกิจอยู่บนยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค มีความเฉพาะเจาะจง ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคใหม่ ในปีที่แล้วเมืองไทยประกันชีวิตได้จัดตั้ง "Fuchsia" Innovation Centre มิติใหม่ของการสร้างนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด "คิดนอกกรอบ (Out of the Box)" ด้วยการปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ พร้อมผนึกพันธมิตรทางธุรกิจทั้ง Tech และ Non Tech ร่วมคิดค้นและพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างเข้าถึงและเจาะจงมากที่สุด
นอกจากนั้นในปีนี้ ทางเมืองไทยกรุ๊ป ยังได้จัดตั้ง Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) ขึ้น เพื่อเชื่อมต่อ กับพันธมิตรในกลุ่มที่เป็นสตาร์ทอัพมากขึ้น ผ่านการลงทุนและนำนวัตกรรมและเทคโนโลนีในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน Insure Tech, Health Tech, IoT หรือนวัตกรรมในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ ความสามารถ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างเข้าถึงในโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย
ล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือกับ dtac accelerate เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ "Dtac Accelerate Batch 6" ที่จะจัดขึ้นในปี 2561 ซึ่งนับเป็นความร่วมมือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในการร่วมผลักดันให้สตาร์ทอัพประเทศไทย
เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับสตาร์ทอัพในระดับโลกได้ และเพื่อเป็นการช่วยวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่ทีมที่ผ่านเข้าสู่ boot campของ batch 6 และพนักงานในบริษัทของพวกเขาให้สามารถทำงานและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงให้การสนับสนุน โดยมอบความคุ้มครอง การประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม ด้วยทุนประกันรวมถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ารอบมีความมั่นใจ ในการร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่ หรือเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้วก็ตาม เพราะกรมธรรม์มีระยะเวลาความคุ้มครองถึง 1 ปี และยังจะมอบรางวัลพิเศษสำหรับทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันในวัน demo day โดยการสนับสนุนการส่งเข้าร่วม Tech Event ระดับโลก เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสตาร์ทอัพอื่นๆ ทั่วโลกอีกด้วย เพื่อที่จะนำความรู้ และ connection ที่ได้มาพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ดีขึ้น
"ด้วยความที่มีฐานตลาดลูกค้าขนาดใหญ่ จะสามารถช่วยเรื่องการเข้าถึงและการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ มีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งจุดนี้เรามองว่า เป็นความร่วมมือกันทางธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการยกระดับมาตรฐานในการบริการ ตลอดจนทำให้สินค้าและบริการสำหรับกลุ่มลูกค้าจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง" นายสาระ กล่าว