กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--IR PLUS
ASIMAR เปิดแผนปี 2561 ลุยงานโครงสร้างเหล็ก ชี้เป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้จากงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เป็นอีกช่องทางช่วยหนุนรายได้เพิ่ม พร้อมทั้งลุยประมูลงานต่อเรือทั้งจากภาครัฐและเอกชน "สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์" เอ็มดี ปลื้มผลงานปี 60 ที่ผ่านมา เติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ มีกำไรสุทธิ 81.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 68.64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.37 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานซ่อมเรือและต่อเรือที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 29% และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นและตอกย้ำการเป็นหุ้น Dividend Stock บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น ขึ้น XD 13 มี.ค.นี้ และจ่ายปันผล 2 พ.ค. 61
นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด(มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากมูลค่างานคงค้างในมือ มือ (Backlog) ราว 236 ล้านบาท ซึ่งรวมงานล่าสุดที่บริษัทฯได้รับงานต่อเรือกำจัดผักตบชวา จำนวน 4 ลำ มูลค่าราว 32 ล้านบาท ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯ ให้น้ำหนักงานต่อเรือหน่วยงานราชการและงานด้านโครงสร้างเหล็กมากขึ้น ซึ่งเป็นการรับงานรับเหมาช่วงจากบริษัทฯ รับเหมารายใหญ่ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้จากงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีประสบการณ์รับงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก ซึ่งในปัจจุบันได้รับงานก่อสร้างด่านศุลกากร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และงานติดตั้งรั้วมอเตอร์เวย์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโอกาสในงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิในเฟสสองที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในขณะนี้
สำหรับธุรกิจหลักงานต่อเรือ และซ่อมเรือ ที่ดำเนินมา 37 ปี มีฐานลูกค้าทั้งบริษัทเอกชนและราชการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมามีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น และคาดว่าปี 2561 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยโครงสร้างรายได้ของ ASIMAR ในปี 2561 นี้ รายได้หลักมาจากการซ่อมเรือ ประมาณ 45% รายได้จากการต่อเรือ ประมาณ 50% และที่เหลือรายได้จากงานโครงสร้างเหล็ก อย่างไรก็ตามในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 10 - 15% อีกส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มอู่ต่อเรือจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการรับเรือเข้าซ่อมได้เพิ่มขึ้น
"ปี 2561 ASIMAR มั่นใจว่าจะมีผลงานที่ดีทั้งรายได้และกำไร โดยตั้งเป้ารายได้โต 10 - 15% ซึ่งที่ผ่านมากำไรปี 60 โตจากปี 59 เกือบ 70% เป็นการตอกย้ำว่าทีมงานผู้บริหารและพนักงานได้ปรับปรุงกลยุทธ์ ทิศทางการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่ดีต่อเนื่องจากงาน 3 ส่วนหลัก คือ ต่อเรือ ซ่อมเรือ และงานโครงสร้างเหล็ก" นายสุรเดช กล่าว
ด้านผลประกอบการในปี 2560 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 81.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 48.37 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 705.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.67 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 14.75% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 614.59 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้จากงานซ่อมเรือ 401.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นงวดเดียวกันของปีก่อน 90.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.94% จากงานซ่อมเรือในประเทศที่มีมูลค่าซ่อมสูงจำนวนหลายลำและรับงานซ่อมเรือต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีรายได้จากอู่ต่อเรือสาขาสุราษฎร์ธานี เข้ามาเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ มากขึ้น ส่วนรายได้จากงานต่อเรือ อยู่ที่ 265.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.81 โดยมีงานโครงการต่อเรือแล้วเสร็จในปี 2560 จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย เรือลากจูงกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน เรือกำจัดผักตบชวา และโครงการต่อเรือลำเลียง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 0.20 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่า ASIMAR เป็นหุ้น Dividend Stock ซึ่งสร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหุ้นว่าผลประกอบการของบริษัทฯ จะเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต