Merrill Lynch คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ดอกเบี้ยต่ำ หนุนตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นสดใสต่อ

ข่าวทั่วไป Wednesday October 31, 2007 13:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--บลจ.ธนชาต
Merrill Lynch คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ดอกเบี้ยต่ำ หนุนตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นสดใสต่อ จากปัจจัยพื้นฐานที่ยังเติบโต โดยเฉพาะ Emerging market และเอเชีย
Mr.Stephen Corry, Global Wealth Management (GWM) Investment Strategist - strategy (Asia Pacific), Merrill Lynch, Hong Kong กล่าวในงานสัมมนา “Profit from global uncertainty” จัดโดย บลจ.ธนชาต เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงแรมคอนราร์ด ว่า
จากวิกฤติ sub-prime ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นหลายแห่งในโลกได้รับผลกระทบและปรับตัวลดลงจากแรงขายเพราะความกังวลในปัญหา sub-prime ดังกล่าว จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลง ก็ทำให้คาดกันว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเช่นกันในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ในสภาพตลาดเช่นนี้ ก็ยังมีตลาดหุ้นบางแห่งทะยานสูงขึ้นไปแตะระดับสูงสุดจุดใหม่ หรือ new highs เช่น HK’s Hang Seng Index ขึ้นไปแตะระดับ 30,000 ในขณะที่ Sensex เพิ่งจะแตะระดับ 19,000 ซึ่งอาจจะไต่ระดับไปแตะระดับ new highs อันใหม่ได้
ในด้านมุมมองอัตราดอกเบี้ย เขาให้ความเห็นว่า ในยุโรปและสหรัฐฯ ความกังวลและปัญหาในตลาดตราสารหนี้ยังคงมีอยู่ แม้ว่าธนาคารกลางจะได้พยายามที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว และจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีก 0.5% เมื่อ เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกของรอบนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ “ภาวะดอกเบี้ยต่ำ” ในช่วงต่อไป
การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลังจากนั้น และหากภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) เป็นไปตามแนวทางการคาดการณ์ของ Merrill Lynch ก็คาดว่า ตลาดหุ้นในเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) น่าจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย ASEAN ในขณะที่ค่าเงินสกุลเอเชีย รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้นเอเชีย น่าจะยังคงได้รับผลดีจากภาวะดอกเบี้ยต่ำในสหรัฐฯ
สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในเอเชีย ก็ยังคงน่าสนใจโดยเฉพาะในฮ่องกง ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มจะใกล้เคียงกับระดับราคาช่วงที่ต่ำที่สุดใน cycle ปี 1998 กำลังซื้อก็มีแนวโน้มดีในภูมิภาคนี้ ยกเว้นตลาดระดับบนทั้งในสิงคโปร์และฮ่องกง
ตลาดหุ้นโดยรวมจะได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องส่วนเกินของประเทศต่าง ๆ ในโลก ผนวกกับปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นเอเชีย แม้ค่าเงินสหรัฐฯ จะยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อไป แต่หุ้นกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจคือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ของตลาดสหรัฐฯ มีการกระจายทำธุรกิจในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก และรับรายได้เป็นเงินของประเทศและภูมิภาคอื่นของโลกที่ไม่ใช่ดอลล่าร์สหรัฐฯ ปัจจัยนี้เองที่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้น่าสนใจลงทุนเพราะการที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ของสหรัฐฯ มีรายได้เป็นจากภูมิภาคอื่น ๆของโลกที่ไม่ใช่การสหรัฐฯเช่นนี้ เป็นเสมือนภูมิคุ้มกันบริษัทเหล่านี้จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือการบริโภคภายในสหรัฐฯ
และจากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงหรือเข้าสู่ช่วง recession นั้น ภาวะเช่นนี้ อาจจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่สดใสนัก แต่ในทางกลับกัน ตลาดตราสารหนี้น่าจะไปได้ดี เช่น หุ้นกู้คุณภาพดี ได้รับการจัดอันดับ AAA หรือพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ก็น่าจะเป็นที่สนใจลงทุน ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว สภาพเช่นนี้ เป็นผลดีต่อค่าเงินเอเชียและตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือ Emerging Market รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้น Emerging Market จะน่าสนใจ แต่ก็มีปัจจัยที่ควรระวังด้วย ก็คือ ปัญหาเงินเฟ้อ และภาวะ recession ในสหรัฐฯ
เขายังกล่าวถึงหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับ การผลิตน้ำมันจากพืช (vegetable oils) ที่กำลังโดดเด่น เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯและยุโรป ที่จะเอาจริงเอาจังกับการนำพลังงานใหม่ ๆ หรือพลังงานที่เกิดขึ้นใหม่ได้ (renewable energy ) มาใช้งาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ