กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--IR PLUS
GCAP คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 61 เติบโตดีกว่าปีที่ผ่าน ชู 4 สินเชื่อ คาดผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น "นายสเปญ จริงเข้าใจ" เอ็มดี ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 60% โดยสัดส่วนสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อภาคเกษตร 40% : 60% ล่าสุดประกาศผลงานปี 60 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 1,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 215% สาเหตุมาจากขยายตัวของสินเชื่อบุคคลเป็นหลัก มีรายได้รวม 198.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.12% ทั้งนี้ จากนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญล่วงหน้าทันที 2.5% ที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ และจากยอดปล่อยสินเชื่อของบริษัทที่โตแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 60 ลดลง 34.53 % เมื่อเทียบกับปี 59 ด้านบอร์ดไฟเขียวอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.09 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 14 มี.ค. 2561 จ่ายปันผลวันที่ 25 เม.ย. 2561
นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการปี 2561 นี้ คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตสูงกว่าปี 2560 ที่มีรายได้ 198.60 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.02 ล้านบาท เนื่องจากภาคการเกษตรดีขึ้น จากปัญหาภัยแล้งไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา และเดินหน้ารุกสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้นโดยจะเน้นกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อใน 4 ผลิตภัณฑ์หลัก เน้นสินเชื่อกลุ่มเจ้าของแผงในตลาด ได้แก่ สินเชื่อสบายใจ คลองเตย , สินเชื่อสบายใจ ปัฐวิกรณ์, สินเชื่อสบายใจ ตลาดไท และสินเชื่อสบายใจ อันดามัน
ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตมากกว่า 60% คาดว่าสัดส่วนยอดปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 40% และสินเชื่อเช่าซื้อรถเกี่ยวนวดข้าวอยู่ที่ 60% เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายในภาคเกษตร อีกทั้งบริษัทได้ออกประเภทสินเชื่อที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าจะให้มีสินเชื่อหลากหลายประเภทเพื่อเป็นการกระจายพอร์ตมากขึ้น
"บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การให้บริการสินเชื่อใหม่ๆเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น เป็นสินเชื่อเงินกู้ยืมมีหลักประกันและสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วและมีประวัติการชำระเงินดี ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มบริการทางการเงินของบริษัทฯอีกด้วย" นายสเปญ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวดปี 2560 มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 1,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215% จากงวดเดียวกันของก่อน สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อร้อยละ 64 และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคลร้อยละ 36 บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 198.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 152.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.02 ล้านบาท ลดลง 14.26 ล้านบาท หรือลดลง 34.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41.28 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน จากการเพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และการเพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายทางกฎหมายในกระบวนการฟ้องร้องลูกหนี้ รวมทั้งการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เมื่อมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อบริษัทจะตั้งสำรองทันที 2.5% ของมูลค่าลูกหนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 26 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 96.23% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท คงเหลือเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 2561 และจ่ายปันผลวันที่ 25 เมษายน 2561