กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ปอร์เช่ ประเทศไทย
ปอร์เช่พร้อมเผยโฉมครั้งแรกของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ด้วยแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ Cross Utility Vehicle (CUV) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ เปี่ยมไปด้วยความอเนกประสงค์ สนองตอบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มบุคคลที่แสวงหาความสนุกสนานเร้าใจจากกิจกรรมผจญ ภัยและการเล่นกีฬากลางแจ้งพร้อมกับการท่องเที่ยวเดินทางอย่างมีสุนทรียภาพด้วยประสิทธิภาพเหนือ ระดับของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive สามารถนำพาผู้โดยสารไปยังยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะได้อย่างง่ายดาย ศักยภาพในการปรับเปลี่ยน รูปแบบการใช้ประโยชน์ภายในห้องโดยสารอย่างไร้ขีดจำกัด จัดสรรพื้นที่กว้างขวางพร้อมติดตั้งจุดยึดรุ่นล่าสุดสำหรับบรรทุกและ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์กีฬาหลากหลายชนิดได้อย่างสะดวกปลอดภัย อาทิ กระดานโต้คลื่นหรือจักรยานปอร์เช่ e-bike
ความยอดเยี่ยมของรถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่ง คันนี้ หมายรวมถึงงานออกแบบที่สะท้อนภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งสไตล์ off-road เฉกเช่นเดียวกับอุปกรณ์ภายในที่ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบใหม่ ระบบควบคุมฟังก์ชันการทำงานล้ำสมัย ด้วยหน้าจอสัมผัสและระบบตรวจจับทิศทางการมอง eye tracking รถยนต์ต้นแบบที่มีความยาว 4.95 เมตร ได้รับ การพัฒนา ขึ้นบนพื้นฐานของระบบเครือข่ายชาร์จพลังงาน 800 โวลต์ fast-charge network รองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย charging dock หรือระบบ Porsche home energy storage system มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สืบทอดความล้ำเลิศมากมายนานับประการ จากปอร์เช่ Mission E ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ International Motor Show (IAA) เมื่อปี 2015
งานออกแบบ: บ่งบอกเอกลักษณ์ด้วย DNA ของปอร์เช่
ฝากระโปรงหน้าที่เทลาด โอบล้อมด้วยโป่งซุ้มล้ออันแสดงถึงความทรงพลังทั้ง 2 ฝั่ง: แม้เพียงแรกสายตาสัมผัสรูปโฉมด้านหน้าของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สามารถรู้สึกถึงความเด่น ชัดในอัตลักษณ์ความเป็นที่สุดของยนตรกรรม สปอร์ตระดับตำนานจากปอร์เช่ 911 (Porsche ที่ตราตรึงอยู่ในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็นช่องรับอากาศตรงกัน ชนหน้าที่วางตัว ในแนวนอนหรือรู้จักกันดีในชื่อว่า "air curtains" หนึ่งในงานออกแบบที่โดดเด่น เฉพาะตัวพร้อมอรรถประโยชน์อันเปี่ยมล้น ไฟหน้า Matrix LED นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่สง่างามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดุดันด้วยระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ 4 ลำแสงหรือ Porsche four-point daytime running lights ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนรูปทรงให้เฉียบคมยิ่งขึ้น กระจกโคมไฟแบบ three-dimensional glass กระจายลำแสงทั้ง 4 ได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด พร้อมไฟเลี้ยว four-point indicator แบบใหม่ล่าสุด มั่นใจได้ในทุกเส้นทางด้วยความกระจ่างชัดเจนจากไฟหน้าประสิทธิภาพสูง Porsche X-Sight high-performance full beams เสริมภาพลักษณ์สมบุกสมบันและพร้อมบุกตะลุยสไตล์ Off-road จากชิ้นส่วนตัวถังที่ออกแบบโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดซุ้ม ล้อและธรณีประตูทั้ง 4 ปราดเปรียวดุดันด้วยชุดสปอยเลอร์หน้าและชายกันชนหลัง สอดรับกับระดับความสูงใต้ท้องรถที่ได้รับการ ปรับให้เพิ่มขึ้น
รูปร่างโดยรวมของตัวรถถูกกำกับโดยแนวหลังคาสไตล์สปอร์ตโค้งมน ลาดเอียงเป็นทรงลิ่มจากหัวจรดท้ายซึ่งเป็นการออกแบบ ที่ได้รับคำนิยามจากดีไซน์เนอร์ของปอร์เช่ว่า "flyline" สะท้อนให้เห็นถึงตัวถังด้านท้ายรถที่ใกล้เคียงกับ พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) แนวกระจกประตูทั้ง 4 ที่ยังคงความคลาสสิกของปอร์เช่เอาไว้อย่างเหนียวแน่น โป่งล้อขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องมายังซุ้มล้อคู่หน้า ขนาบด้วยช่องระบายอากาศให้มุมมองแบบ 3 มิติและแสดงออก ถึงบุคลิกของยนตรกรรมต้นแบบพันธ์แกร่งซึ่งมาพร้อมมิติความกว้างตัวถังถึง 1.99 เมตร สเกิร์ตข้างตัวถังสไตล์ Off-road พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ล้อมรอบด้วยยางสมรรถนะสูงขนาด 275/40 R 20 รองรับทุกเส้นทางที่ต้องเผชิญ
รถต้นแบบได้รับการพ่นสีพิเศษ Light Grey Metallic โดดเด่นหรูหรา ให้สัมผัสของสปอร์ตคลาสสิกจากประเทศเยอรมัน แม้มองจากด้านท้ายรถ ยิ่งไปกว่านั้นภาพความงดงาม ดังกล่าวยังได้รับการตอกย้ำ ด้วยชุดสปอยเลอร์ หลังคาและแผงไฟทับทิม คาดขวางตัวถัง ซึ่งได้กลายเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับปอร์เช่ในยุคปัจจุบัน ติดตั้งสัญลักษณ์ตัวอักษรปอร์เช่ เรืองแสงสีขาวสะท้อนแสงแบบ 3 มิติ ตำแหน่งอักษร "E" ในคำว่า "Porsche" จะกระพริบเป็นจังหวะในขณะทำการชาร์จพลังงาน ส่งมอบประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่ผู้ครอบครองได้อย่างไม่มีรถยนต์คันใดเสมอเหมือน กระจกหลังคา panoramic glass roof ขนาดใหญ่วางตัวต่อเนื่องจากกระจกบังลมหน้าจนจรดฝากระโปรงท้าย ให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารปลอดโปร่งสะดวกสบาย
ความอเนกประสงค์: รองรับทุกการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิต
มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) คือรถยนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นในฐานะ ตัวแทนของยนตกรรมสปอร์ตสไตล์ทัวริ่งทั้งหมดของสายการผลิตจากปอร์เช่ เติมเต็มอรรถประโยชน์ด้วยการพัฒนาขีดความ สามารถ ด้าน crossover-utility ให้มีความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น: ผลลัพธ์ที่ได้คือที่สุดแห่งยานยนต์ที่เหมาะสม กับทุกการเดินทาง ตอบรับทั้งภารกิจประจำวันและการใช้ชีวิตแนวโลดโผนผจญภัย คล่องแคล่วปราดเปรียวในทุกเส้นทางทั้งการจราจรในเมืองใหญ่ หรือหนทางทุรกันดาร มิชชั่น อี (Mission E) เวอร์ชั่น crossover เน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่นิยมชมชอบความตื่นเต้น เร้าใจจากกิจกรรมและกีฬากลางแจ้ง ด้วยความสูงใต้ท้องรถถึง 1.42 เมตร ของรถสปอร์ต 4 ที่นั่งดังกล่าว: จุดยึดที่ติดตั้งบริเวณพนักพิงของเบาะนั่งคู่หลังแบบแยกอิสระทั้งสองจุด เหมาะสำหรับการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดยาวกว่าปกติ เช่น อุปกรณ์สกี นอกจากนี้ พนักพิงหลังยังสามารถปรับพับในแนวราบเสมอกับพื้นห้องเก็บสัมภาระซึ่งได้รับการติดตั้งระบบ รางยึดสัมภาระพร้อมเข็มขัดรัดแบบปรับระดับและตำแหน่งได้ สามารถเก็บรักษาอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่อย่างสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยจากการกระทบกระแทก นอกจากความอเนกประสงค์ของตัวรถ ผู้โดยสารของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ยังได้รับประโยชน์สูงสุดในกรณีที่ใช้งานร่วมกับรถจักรยานปอร์เช่ e-bike จากแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า ประสิทธิภาพสูงของตัวรถที่รองรับสิงห์นักปั่นได้อย่างเต็มที่ แนวทางการพัฒนายุคใหม่มุ่งเน้นให้ลูกค้าของปอร์เช่ทุกท่าน ได้รับความสะดวกสบายและรื่นรมย์ด้วยงานออกแบบชั้นเลิศ นวัตกรรมเทคโนโลยีและสมรรถนะเหนือระดับตลอดระยะเวลาที่ ขับขี่ยานพาหนะ 2 ล้อล้ำอนาคต
ภายในห้องโดยสาร: สัมผัสอันแตกต่างด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบา
ภายในห้องโดยสารนำเสนอบรรยากาศสุดคลาสสิกด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตามธรรมเนียมปฏิบัติอันยาวนานของปอร์เช่ผสานด้วย ความทันสมัยจากการยกระดับเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือชุดแผงหน้าปัทม์: อุปกรณ์ข้างต้นได้รับการติดตั้งวางตัว ตามแนวขวางตลอดความกว้างของตัวรถ ประกอบด้วยกรอบหน้าปัทม์ทรงปีกแยกตำแหน่งด้านบนและด้านล่างคอนโซลหน้า จัดวาง ในแนวตั้งด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า แผงควบคุมทรงโค้งโอบล้อมที่นั่งผู้ ขับขี่เพื่อความสะดวกในการใช้งาน แผงหน้าปัทม์แบบวงกลม 3 วงภายในบรรจุหน้าจอแสดงผล TFT คอนโซลกลางระหว่าง เบาะนั่งคู่หน้าวางตัวต่อเนื่องในระดับความสูงเท่ากับคอนโซลหน้า เสริมสร้างบรรยากาศอบอุ่นระหว่างการเดินทางด้วยระบบไฟ ภายในห้องโดยสาร ambient lighting และ indirect lighting
ยิ่งไปกว่านั้นงานออกแบบและวัสดุภายในห้องโดยสาร ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองและสัมผัสได้ถึงโครงสร้างน้ำหนักเบาของตัวรถ อาทิ แผงคอนโซลหน้าและเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต รูปทรงเดียวกับเบาะนั่ง bucket-type ในรถแข่ง พร้อมสัญลักษณ์ตัวอักษร ปอร์เช่เรืองแสง แผงประตูผลิตด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ให้พื้นผิวสัมผัสแบบ 3 มิติ ชิ้นงานตกแต่งรายรอบห้องโดยสารพ่นสี Anodised มันวาว กรอบช่องลมระบบปรับอากาศหรือชุดสวิทช์ควบคุมกระจกไฟฟ้าที่สวยหรูจากสีน้ำเงิน Nordic Blue สร้างความแตกต่าง อย่างมีชั้นเชิงสไตล์ two-tone ตัดกันอย่างลงตัวกับหนังแท้ Aniline สีดำและสีเทาอ่อนในหลายๆ จุดของห้องโดยสาร
ขุมพลังขับเคลื่อน: สมรรถนะจากระบบ e-performance พละกำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า
มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ชุด ให้กำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลถึงอัตราเร่ง จากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานแตะความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาต่ำกว่า 12 วินาที สมรรถนะอันเหนือ ความคาดหมายดังกล่าวเกิดขึ้นจากประสิทธิภาพการถ่ายทอดพละกำลังที่ต่อเนื่องซึ่งเป็น คุณสมบัติเฉพาะตัว ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า: จังหวะเร่งออกตัวที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยปราศจากการสูญ เสียกำลังในระบบขับเคลื่อนแม้แต่ น้อยแรงบิดที่ได้รับการ ควบคุมอย่างเหมาะสมจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring รับหน้าที่กระจาย กำลังขับไปยังล้อทั้ง 4 และส่งต่อไปยังพื้นถนนอย่างอิสระ
ระบบรองรับ: ช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ Adaptive air suspension นุ่มนวลและมั่นคง
ระบบเลี้ยว 4 ล้อ all-wheel steering ให้ความแม่นยำเที่ยงตรง เพิ่มเสถียรภาพในการบังคับควบคุมให้แก่ตัวรถ ในขณะที่ ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension รับหน้าที่ในการปรับตั้งความสูงของใต้ท้องรถให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 50 มิลลิเมตร ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญซึ่งมีบทบาทหลักในการเสริมสร้าง ความมั่นคงจากเสถียรภาพในการเคลื่อนที่ทั้งในแนวระดับและการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังช่วยในการลด การโยนตัวขึ้นลงเมื่อขับขี่บนเส้นทางขรุขระเป็นหลุมบ่ออีกด้วย
แนวคิดระบบควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง: ประสบการณ์การใช้งานเหนือระดับ
ความโดดเด่นของ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) คือแนวคิดในการควบคุมฟังก์ชัน การทำงาน ของตัวรถผ่านหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงรุ่นล่าสุด ตัวอย่างของอุปกรณ์การทำงานและสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้แก่ หน้าจอแสดงผลแบบ head-up display ถ่ายทอดข้อมูลที่สำคัญไปยังผู้ขับขี่ในตำแหน่งระดับสายตา ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการรบกวน สมาธิในการบังคับรถยนต์ และด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในยานพาหนะ ส่งผลให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงโลก แห่งการสื่อสารที่ไร้พรมแดนได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ข้อมูลและระบบควบคุมที่มีความสำคัญในระดับสูงได้แก่:
- หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่พร้อมระบบตรวจจับทิศทางการมอง eye-tracking
ชุดแผงหน้าปัทม์แบบวงกลม 3 วงซ้อนกัน รับหน้าที่ในการสื่อสารกับผู้ขับขี่ด้วยข้อมูลที่ได้รับผ่านระบบ Porsche Connect ข้อมูลของสมรรถนะตัวรถ ข้อมูลของระบบขับเคลื่อน พลังงานที่ใช้และชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono ระบบ eye-tracking system ตรวจจับทิศทางการมองเห็นของผู้ขับขี่ด้วยกล้องที่ติดตั้งภายในกระจกมองหลัง เพื่อรับรู้ถึงแนวสายตา ของผู้ขับขี่ที่จ้องไปยังตำแหน่งต่างๆ หลังจากนั้นหน้าจอที่ผู้ขับขี่ให้ความสนใจจะได้รับการเคลื่อนย้ายมาอยู่ด้านหน้า ในส่วนของหน้าจออื่นจะถูกลดระดับความสำคัญลงด้วยการย้ายไปอยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหน้าจอ แสดงผลทั้งหมดได้จากสวิทช์ smart-touch controls ซึ่งติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย
- หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสาร: หน้าจอดังกล่าวจะถูกติดตั้งเยื้องไปทางฝั่งของผู้โดยสาร เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทางของคุณสนุกสนานไปกับการเลือกใช้งานแอปพลเคชันที่หลากหลายผ่านระบบ eye-tracking และระบบสัมผัสได้ตามความ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงฟังก์ชันของแหล่งรายการเพื่อความบันเทิง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบปรับอากาศ และการติดต่อสื่อสาร
- แผงคอนโซลกลางควบคุมด้วยระบบสัมผัส พร้อมเมนูแสดงข้อมูลการทำงานโดยละเอียด
- หน้าจอสัมผัสขนาดเล็ก: หน้าจอดังกล่าวได้รับการติตตั้งไว้บริเวณชุดสวิทช์ควบคุมการทำงานของ window regulator modules (สำหรับการปรับตำแหน่งและฟังก์ชั่นการทำงานของเบาะนั่ง) เช่นเดียวกับ ในบริเวณช่องลมของระบบปรับ อากาศ ทั้งมุมด้านขวาและด้านซ้ายของแผงคอนโซลหน้า สามารถปรับระดับความแรงของลมได้เพียงลากนิ้วมือไปทาง ซ้ายและขวาของหน้าจอ ห้องโดยสารอัจฉริยะหรือ "smart cabin" เต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายและง่ายดายในการควบคุมฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การปรับตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ ระบบปรับอากาศและไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารทั้งนี้สามารถเลือกใช้งาน ได้ตามความต้องการทั้งในรูปแบบเฉพาะตัวของผู้ขับขี่หรือตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายรวมทั้งปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆ แม้ไม่ได้อยู่ภายในตัวรถ:เติมเต็ม ศักยภาพ สูงสุดด้วยการกำหนดฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของระบบปรับอากาศ รวมทั้งระบบนำทางผ่านดาวเทียมล่วงหน้าผ่านอุปกรณ์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกา smartwatch
"DestinationsApp": ผู้ช่วยส่วนตัวเพื่อความสะดวกทุกจุดหมายปลายทาง
ระบบ Porsche Connect พร้อมรองรับบริการด้านเครือข่ายดิจิทัลและแอฟพลิเคชันมากกว่า 20 รายการ สำหรับ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ได้รับการติดตั้ง "DestinationsApp" เพื่อเป็นชุดสาธิตในการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ จากการใช้งานรถยนต์ร่วมกับฐานข้อมูลดิจิทัล ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้: แอปพลิเคชันดังกล่าวช่วยให้การวางแผนการ เดินทางตลอดระยะเวลาสุดสัปดาห์ของคุณเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงไม่กี่ขั้นตอนด้วยโทรศัพท์มือถือแอปพลิเคชัน จะช่วยแนะนำสถานที่หรือจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในระหว่างการเดินทาง จัดการจองที่พักได้อย่างรวดเร็วโดยไร้ข้อจำกัด รวมไปถึงจัดตารางการเดินทางตลอดทริปอย่างละเอียด ทั้งจุดแวะพัก ร้านอาหาร และสถานที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการหรือ สนามกีฬา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตั้งการทำงานของระบบช่วงล่าง มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ให้สอดคล้องกับเส้นทางที่วางแผนใช้ผ่าน "DestinationsApp" เช่นเดียวกับการเลือกสรรเสียงเพลง ระบบปรับอากาศ และระบบไฟแสงสว่างภายในห้องโดยสารที่เหมาะสมที่สุดกับบรรยากาศในระหว่างการท่องเที่ยวเดินทาง
ระบบชาร์จพลังงาน: รวดเร็วทันใจและไร้ข้อจำกัด
โครงสร้างระบบไฟฟ้าแรงเคลื่อน 800 โวลต์ คือเครื่องรับประกันถึงความมั่นใจว่า แบตเตอรี่ lithium-ion จะได้รับการชาร์จ พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเดินทางด้วยระยะทางสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC) ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น รถยนต์ต้นแบบคันนี้ สามารถรองรับระบบชาร์จพลังงานที่หลากหลายไม่ว่าจะในระหว่าง การเดินทางหรือการชาร์จภายในที่พักอาศัย รวมทั้งได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบเครือข่าย fast-charging network ซึ่งกำลังจะเปิดใช้งานทั่วทุกเส้นทางสัญจรในทวีปยุโรปผ่านสัญญาความร่วมมือพัฒนาของบริษัท IONITY เมื่อเข้ารับ บริการในสถานีชาร์จพลังงานที่อยู่ในโครงการ มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) สามารถทำการชาร์จผ่าน เทคโนโลยีเหนี่ยวนำไร้สาย เช่นเดียวกับการชาร์จด้วย charging dock หรือระบบ Porsche home energy storage management system และเลือกติดตั้งระบบ photovoltaic system สำหรับการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขายโดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรม วิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name you can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้ว ตลอดระยะเวลา ดำเนินงานมากกว่า 30 ปี