กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 ว่า ให้ความสำคัญเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้เกิดการพัฒนาจริงๆ ในเรื่องของ Local Economy ฉะนั้น หากเราสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวต่อไปได้ สินค้าเกษตร วิสาหกิจชุมชน และเรื่องต่างๆ ก็จะป้อนสู่การท่องเที่ยวได้ ความเจริญก็ไม่กระจุกอยู่แค่ผู้ประกอบการไม่กี่แห่ง โดยย้ำให้มีการกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้จากเมืองหลักไปสู่เมืองรอง ซึ่งในอดีตเน้นโปรโมทการท่องเที่ยวมากกว่าการพัฒนาการท่องเที่ยว ต่อจากนี้ไปได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำ "ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว" เพื่อให้เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาการท่องเที่ยวด้านต่างๆ ต่อไป
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า "วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่มีท่านรองนายก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน และผมเป็นรองประธาน ซึ่งร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก ฉะนั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่จะแสดงความชัดเจนของนโยบาย แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติมีทิศทางการพัฒนาอย่างไร สิ่งที่เป็นสาระสำคัญและมีมติในวันนี้ คือ การกำหนดให้มีการประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster) อีก 6 เขต จากเดิมมีอยู่ 9 เขต ทำให้ครอบคลุมเกือบครบทั้งประเทศ เป็นข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า จังหวัดที่ยังหลุดโผอยู่ควรจะถูกเพิ่มเข้ามา เช่น พิจิตร เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ได้อยู่ในคลัสเตอร์ใดๆ เลย ในที่นี้ สามารถจะประกาศให้เป็นเฉพาะจังหวัดก็ได้ เพราะตามกฎหมายให้ประกาศเป็นกลุ่มจังหวัด ประกาศจังหวัด หรือประกาศเฉพาะพื้นที่ก็ได้ ดังนั้น เฉพาะพื้นที่นั้นผมยกตัวอย่างให้เห็นว่าการประกาศจังหวัดที่มีสนามบินทั้งประเทศให้เป็นอีกหนึ่งคลัสเตอร์ ซึ่งในที่ประชุมเห็นพ้องในหลักการ จังหวัดที่มีร่วมอ่าวเดียวกัน อาทิ ฝั่งทะเลด้านพัทยา หรือฝั่งหัวหิน ก็ควรให้อยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน หนึ่งจังหวัดอาจจะอยู่ได้มากกว่าหนึ่งคลัสเตอร์ ถ้าเป็นประเภทพื้นที่เฉพาะ ได้เสนอให้บางกระเจ้า เป็นพื้นที่พัฒนาการท่องเที่ยว ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะทำให้เราได้ทุกจังหวัด และพื้นที่พิเศษได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มการบริหารจัดการร่วมกัน ใช้ทรัพยากร ใช้พลังในการทำงานร่วมกัน"
เรื่องต่อไปเป็นเรื่องที่ประชุมให้ความเห็นชอบในการพัฒนาเขตพื้นที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งจะไม่ครอบคลุมเฉพาะตัวชายฝั่ง แต่จะรวมถึงส่วนที่เป็นหุบเขาตะนาวศรี แปลว่าที่เราเห็นในมติคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เรียกว่า "ริเวียร่า (Thailand Riviera)" ผมได้ไปทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อจะทำให้เห็นว่าในความสำเร็จของแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกเขาใช้อะไรเป็นองค์ประกอบ ซึ่งพบว่า ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกไทยก็มีองค์ประกอบนั้นมากเพียงพออยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมาทำการ repackage คือการจับหีบห่อใหม่ และรวบรวมนำเสนอ ซึ่งในที่นี้มาสอดคล้องกับกระทรวงคมนาคมที่จะลงทุนในเรื่องของการทำรถไฟรางคู่หรือรถไฟความเร็วสูง การขยายรันเวย์ หรือการใช้สนามบินจากชุมพร ให้เป็นอีกหนึ่งจุดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ นอกเหนือจากที่มีอยู่ในหัวหินแล้ว
นอกจากนี้เป็นเรื่องของขยะ และความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทย เพราะขณะนี้ทางรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระสำคัญพิเศษ ซึ่งจะได้ทำเป็นแผนใหญ่ร่วมกัน และในวันพุธนี้ผมจะร่วมพูดคุยกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการช่วยกันกำกับดูแลเรื่องของความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ ขึ้นหาด ว่าจะมีการบริหารจัดการร่วมกันอย่างไร