กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--IR network
บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW ) เผยธุรกิจปี 61 ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมเปิดเกมรุกส่งบริษัทย่อย เมฆา-เอส ทำกิจการร่วมค้ากับ "เอ.ที.อี.เทเลคอม คอนสตรัคชั่น" ภายใต้ชื่อ "กิจการร่วมค้า เอ.ที.อี.เมฆา-เอส" รุกงานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน นิคมอุตสาหกรรมสุวรรณภูมิ มูลค่า 272 ล้านบาท "ธานินทร์ ตันประวัติ" ระบุปีนี้บริษัทจะขับเคลื่อนธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% หรือ 1,600 ล้านบาท รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25-30%
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า จะได้เห็นผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจท่อร้อยสายไฟใต้ดินมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการงานสายไฟลงดินทั้งจากภาครัฐและเอกชน ประกอบกับมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีงานในมือ (Backlog) ที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 800 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเสนองานอีกไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ,รถไฟฟ้ารางคู่ และงานเอกชนอื่นๆ จึงทำให้บริษัทฯ ประมาณการณ์รายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% จากปี 2560 หรือ 1,600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ 25-30%
กรรมการผู้จัดการกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการรับมือกับงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่กำลังขยายตัว บริษัท เมฆา-เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ARROW จึงทำกิจการร่วมค้า กับ บริษัท เอ.ที.อี.เทเลคอม คอนสตรัคชั่น จำกัด ภายใต้ชื่อ "กิจการร่วมค้า เอ.ที.อี.เมฆา-เอส" เพื่อดำเนินการยื่นซองประกวดราคา,เสนอราคา และทำสัญญารับจ้างเหมางานก่อสร้างและออกแบบโครงการ เพื่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้ากำลังและสายสัญญาสื่อสาร ซึ่งบริษัทได้ใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท ถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 ในการรับงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินนิคมอุตสาหกรรมสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 272 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคมนี้
"เพื่อเพิ่มทางเลือกในการขยายธุรกิจและความสามารถด้านการแข่งขัน บริษัทจึงเริ่มขยายธุรกิจสู่งานวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินมากขึ้น เพื่อรับมือกับความต้องการในระยะยาวในธุรกิจท่อร้อยสายไฟ อันจะทำให้รายได้และกำไรเติบโตในอนาคตเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" นายธานินทร์ กล่าว