กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 14 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,323.70-1,330.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,600 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,640 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,620 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.09 น. ของวันที่ 14/03/61)
แนวโน้มวันที่ 15 มีนาคม 2561
สหรัฐได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามการค้าโลกด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ทั้งนี้ นักลงทุนจับตา กรณีสหรัฐเตรียมที่จะกำหนดภาษีต่อสินค้านำเข้าของจีนมูลค่ามากถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการเล็งเป้าหมายไปที่ภาคเทคโนโลยีและการสื่อสารโทรคมนาคมของจีนอาจสร้างความไม่พอใจอย่างมากจากจีน แม้ว่าทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขนาดหรือกำหนดเวลาของการดำเนินการใดๆ แต่ความเสี่ยงโดยตรงจากการตอบโต้อย่างรุนแรงจากจีนอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าในที่สุด ความกังวลดังกล่าวได้เป็นปัจจัยบวกพยุงราคาทองคำไว้ ประกอบกับ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า มีการตรวจพบการทุ่มตลาดกระดาษเนื้อหยาบไม่เคลือบ ที่นำเข้าจากแคนาดา และได้กำหนดภาษีขั้นต้น 22.16% การดำเนินการทางการค้าของสหรัฐดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางการเจรจาครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก ในประเด็นข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า) หลังจากที่สหรัฐเก็บภาษีอย่างหนักต่อไม้เนื้ออ่อนของแคนาดาเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศหลังความเห็นที่ไม่ตรงกันหลายครั้งเกี่ยวกับนโยบายต่อเกาหลีเหนือ, รัสเซีย และอิหร่าน โดยจะให้นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) มาดำรงตำแหน่งแทน ส่งผลให้นักลงทุนจับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่เรียกว่าเจซีพีโอเอ ยังคงให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดต่อสหรัฐ ซึ่งขัดแย้งกับท่าทีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขู่ว่าจะยกเลิกข้อตกลงระหว่างประเทศดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่ามีการยกระดับความเข้มงวดต่ออิหร่านมากขึ้นก่อนวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ประเมินว่าราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบ หากราคาอ่อนตัวลงสู่แนวรับในบริเวณ 1,319-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำสามารถซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นหากราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,329-1,341 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง ซึ่งหากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,319-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณดังกล่าว และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปหรือตามบริเวณแนวต้านต่างๆ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,319 (19,400บาท) 1,306 (19,200บาท) 1,294 (19,050บาท)
แนวต้าน 1,329 (19,600บาท) 1,341 (19,750บาท) 1,352 (19,950บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,319 (19,550บาท) 1,306 (19,350บาท) 1,294 (19,180บาท)
แนวต้าน 1,329 (19,700บาท) 1,341 (19,880บาท) 1,352 (20,040บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999