กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี กับการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบท่อนำส่ง ด้วยคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิค (Ultrasonic Testing หรือ UT) ล่าสุดแผนกวิจัยและพัฒนาของดาคอนเปิดตัวผลงานชิ้นโบว์แดง นั่นคือ อุปกรณ์ตรวจสอบระบบท่อด้วยสนามแม่เหล็กขนาด 8 นิ้ว (Magnetic Flux Leakage : MFL) เพื่อตรวจวัดการสึกกร่อน และวัดความหนาของฝาผนังท่อ ครอบคลุมทุกตลาดของการตรวจสอบระบบท่อ
ด้วยเทคโนโลยีการตรวจสอบท่อด้วยระบบสนามแม่เหล็ก ช่วยในการประเมินปริมาณของการกัดกร่อนหรือการสูญเสียเนื้อโลหะในท่อส่ง ซึ่งมีการใช้กันอย่างแพร่หลายด้วย 3 เหตุผลหลัก ที่แตกต่างจากระบบคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิค คือ
ระบบสนามแม่เหล็กสามารถตรวจสอบทั้งท่อส่งก๊าซและท่อส่งน่ำมันได้ ในขณะที่ ระบบคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิค จะสามารถตรวจสอบได้เฉพาะท่อทีมีน้ำมัน หรือของเหลวเท่านั้น
อุปกรณ์ระบบสนามแม่เหล็กสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงกว่าระบบอัลตร้าโซนิค ดังนั้น จึงช่วยประหยัดเวลาในการหยุดการทำงานในระบบท่อของลูกค้า
เป็นเทคโนโลยีที่เสถียรและพิสูจน์ได้ว่า นำไปสู่ราคาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือตรวจสอบแบบระบบอัลตราโซนิค
โดยปกติแล้ว ท่อส่งก๊าซนอกชายฝั่งในภูมิภาคเอเชีย จะนำส่งก๊าซเป็นหลัก ซึ่งผู้ประกอบการไม่ต้องการที่จะนำของเหลวมาใช้เพิ่อตรวจสอบท่อส่งก๊าซเหล่านี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว อุปกรณ์ตรวจสอบท่อด้วยสนามแม่เหล็ก จึงทำให้ดาคอนเข้าถึงพื้นที่ตลาดส่วนใหญ่ได้มากกว่า การอุปกรณ์ตรวจสอบท่อด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิคเท่านั้น
ประการที่2 คือ ระบบสนามแม่เหล็กนั้น เป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ท่อส่วนใหญ่จะต้องทำการตรวจสอบเป็นประจำทุก 5 ปี และมีการตรวจสอบใหม่เมื่อผู้ปฏิบัติงานต้องการทราบว่ามีความเสียหายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นภายหลังจากการตรวจครั้งก่อนหน้านี้หรือไม่ วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ การนำผลการตรวจสอบรอบปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับผลการตรวจสอบรอบก่อนหน้า ที่ใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบเดียวกัน ซึ่งโดยมากแล้วจะตรวจสอบด้วยระบบสนามแม่เหล็ก จากการขยายฐานการตรวจสอบมายังระบบสนามแม่เหล็ก ทำให้ดาคอนขยายฐานการตรวจสอบได้กว้างขวางและครอบคลุมทุกความต้องการในตลาดมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้านำข้อมูลที่ได้จากการตรวจไปประเมินผลการขยายของการกัดกร่อนท่อของเขาได้