กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--Worklink PR
ECF เดินหน้าธุรกิจเต็มกำลัง เล็งแตกไลน์สินค้าดันรายได้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เติบโต เพิ่มมาร์จิ้น ธุรกิจพลังงานทดแทน รับรู้รายได้เพิ่มต่อเนื่อง เผยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ 2-3 โครงการ คาดได้ข้อสรุปในปีนี้ โชว์ผลประกอบการปี 60 รายได้รวม 1478.68 ล้านบาท กำไรพุ่ง 17% หรือ 73.05 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา และดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทน เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงต่อจากนี้จะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน
โดยในส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หลังจากมีการกระจายสินค้าแบรนด์ COSTA ให้กับร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศกว่า 900 ร้านค้า และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เพิ่มผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เทรนด์การตกแต่ง-ใช้งาน และในช่วงไตรมาส 2 เตรียมแตกไลน์สินค้าใหม่ โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำสินค้าที่เกี่ยวกับการตกแต่งบ้านเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม อีกทั้งพัฒนาช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หาแนวทางลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการ
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส ได้เริ่ม COD และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 3/60 จำนวน 6.7 ล้านบาท ไตรมาส 4/60 ที่ผ่านมา จำนวน 8.8 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกนี้จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง และโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ในเดือน เม.ย. 61 และ ธ.ค. 61 ตามลำดับ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ขนาด 220MW ประเทศเมียนมาร์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้ด้วย ล่าสุดได้นำเข้าแผงโซลาร์สำหรับ 50 MW แรกครบแล้ว อยู่ระหว่างรอการติดตั้ง เมื่อก่อสร้างเฟส 1 แล้วเสร็จจะดำเนินการก่อสร้างเฟส 2 ต่อทันที และบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีก 2-3 โครงการ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปสำหรับการเข้าลงทุนภายในปีนี้
"จากแผนการดำเนินงานทั้งหมด บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนทั้งรายได้จากธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ คาดว่าจะเติบโตที่ 10-12 % ประกอบกับรายได้ต่าง ๆ ที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้จากบริษัทย่อย บริษัทร่วม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นายอารักษ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจอยู่ที่ 1,478.68 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,392.49 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสำหรับงวดส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ที่ 73.05 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 62.44 ล้านบาทหรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% สำหรับธุรกิจหลักคือการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ทุบสถิติทำนิวไฮสร้างกำไรทั้งปี 2560 เติบโต 29% หรือเท่ากับ 71.49 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 55.36 ล้านบาท
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2560 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 388 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 378.07 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.63% สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 31.52 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที 483 %
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ซึ่งลงทุนผ่านบริษัทเซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด