กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) ส่งสัญญาณธุรกิจไบโอดีเซลปีนี้ฟื้น เชื่อนโยบายรัฐหนุนใช้ B7 ต่อเนื่อง และ Stock น้ำมันปาล์มดิบอยู่ในระดับสูง จึงหมดปัญหา Stock Loss เหมือนสองปีที่ผ่านมาได้ ด้านกรรมการผู้จัดการ "ชัชพล ประสพโชค" เผยลุยศึกษาแผนการลงทุนต่อยอดธุรกิจธุรกิจไบโอดีเซลไปยังผลิตภัณฑ์High Value Added (HVA) Products เพิ่มขึ้น หวังสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดดในระยะยาว ส่วนปีนี้มั่นใจรายได้แตะ 2 พันล้านบาท จากการเติบโตธุรกิจเทรดดิ้ง พลังงานทดแทน
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC บริษัทชั้นนำด้านพลังงานสะอาด ปิโตรเคมี สาธารณูปโภค สู่ความยั่งยืนแห่งอนาคต กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมธุรกิจไบโอดีเซล ปีนี้มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น จากการส่งเสริมของนโยบายภาครัฐที่มีการกำหนดให้ปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล (B 100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากเดิมร้อยละ 5% หรือ B5 เป็นร้อยละ 7 หรือ B7 สำหรับน้ำมันดีเซลในประเทศอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้สถานการณ์ของ Stock น้ำมันปาล์มดิบในประเทศปีนี้คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 400,000 ตัน และผลผลิตปาล์มดิบในฤดูกาลใหม่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป จึงคาดว่าปริมาณน้ำมันปาล์มดิบสูงมากกว่าความต้องการใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก
ประกอบกับภาคธุรกิจคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงต่ำกว่า กิโลกรัมละ 19.5 บาทได้ และไม่น่ามีความผันผวนเรื่องราคามาก โอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนวัตถุดิบ จนทำให้ภาครัฐต้องปรับนโยบายการผสม B7 เป็น B5 หรือ B3 ไม่น่าจะมี ซึ่งธุรกิจไบโอดีเซลจะไม่ต้องรับภาระเรื่อง Stock Loss เหมือนสองปีที่ผ่านมา
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC กล่าวเพิ่มว่า สำหรับผลประกอบการของธุรกิจไบโอดีเซลในไตรมาส 1/2561 ที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด น่าจะออกมาดีกว่า ปี 2560 ค่อนข้างมาก เพราะมีการเดินโรงงาน (Plant Utilization) กว่าร้อยละ 90ของกำลังผลิตสูงสุดที่ 24 ล้านลิตร/เดือน คาดการณ์ว่า EBITDA ของธุรกิจนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ปีละ 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะต่อยอดธุรกิจไบโอดีเซล เพื่อการทำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี High Value Added (HVA) Products อาทิเช่น การผลิต Refined Glycerin สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ การทำ Biopolymer เพื่อทดแทนเม็ดพลาสติกต่างๆ ด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี Marginในระดับสูง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเดิม
"ดังนั้นจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโตได้อย่างโดดเด่นและมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA คาดว่าไม่ต่ำกว่า350 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ ที่มีการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ตามแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่อง" นายชัชพล กล่าว