กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--การยางแห่งประเทศไทย
สืบเนื่องจาก การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการผลิตหมอนยางพารา กับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพารา และภาคเอกชนอย่างบริษัท เลย์เทกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการผลิตและร่วมมือทางการตลาด เพื่อจัดตั้งแบรนด์กลางของ กยท. พัฒนากระบวนการผลิต เพิ่มช่องทางในการทำตลาดและส่งออกเพื่อเพิ่มมูลค่ายางพาราให้สูงขึ้น โดยหลังจากได้ลงพื้นที่เพื่อไปอบรมให้ความรู้กับสถาบันเกษตรกร ให้สามารถผลิตหมอนยางพาราให้ตรงตามมาตฐานการส่งออกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจากโครงการนำร่องที่ชื่อว่า "นครศรีโมเดล" นั้น
วันนี้ ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของเกษตรกรซึ่งถูกพัฒนาโดยกลุ่มสถาบันเกษตรกรทั้งสิ้น 8 แห่งจากทั่วประเทศก็ได้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมออกแสดงสู่สาธารณะชนแล้ว โดยมีการจัดแสดงรุ่นแรกภายในงาน "GLOBAL RUBBER LATEX & TYRE EXPO" หรือ GRTE 2018 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวกับนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งผู้ร่วมงานหลักจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจส่งออกและนำเข้าที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากกลุ่มนักธุรกิจต่างประเทศที่มาติดต่อเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วหลายราย โดยในช่วงแรกที่ปล่อยสินค้าออกสู่ตลาด บริษัท เลย์เทกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะภาคเอกชนที่มีความเชียวชาญด้านการผลิตและส่งออกยางพารามากว่า 45 ปี จะช่วยสนับสนุนในด้านการผลิตรุ่นอื่นๆ ก่อน และในระหว่างทางจะคอยให้ความรู้ คำแนะนำสถาบันเกษตรกรให้สามารถผลิตผลผลิตให้ครอบคลุมทุกรุ่นของแบรนด์กลางกยท.นี้ได้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของโครงการเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราไทยอย่างยั่งยืน เพิ่มรายได้ที่มั่นคงและทำให้สินค้าที่ชื่อว่าเป็นสินค้าจากสถาบันเกษตรกรของไทยไปได้ไกลถึงระดับโลก
โดยแบรนด์กลางกยท.นี้ จะมีการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ ในงาน STYLE 2018 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19-23 เมษายน 2561 ที่ศูนย์การแสดงสินค้าไบเทคบางนา โดยได้วางแนวทางการตลาดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นมากกว่าคำว่าหมอนยางพาราคุณภาพ แต่จะบวกด้วยการดีไซน์ที่โดดเด่นและสวยงาม ผนวกกับการเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใด การที่กยท. และภาคเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องของช่องทางการตลาดเพื่อรองรับผลผลิตในครั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญของโครงการยังมีความยินดีที่จะลงพื้นที่ไปให้ความรู้และคำแนะนำเกษตรกรในภูมิภาคอื่นๆในกระบวนการผลิตให้สามารถผลิตหมอนและที่นอนที่ตรงตามมาตรฐานการส่งออกให้มุ่งสู่ตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิในอนาคตอันใกล้