กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--เอ็มที มัลติมีเดีย
บมจ. เคมีแมน หรือ CMAN ("บริษัทฯ") ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุดในไทย นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 21 มีนาคม มั่นใจนักลงทุนจะให้การตอบรับดี ชูจุดแข็งเป็นผู้ผลิตปูนไลม์เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่มีทั้งโรงงานผลิตและได้รับประทานบัตรเหมืองจากภาครัฐ ส่งผลดีต่อคุณภาพและการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ พร้อมเดินหน้าร่วมทุนพันธมิตรในอินเดียก่อสร้างโรงงานปูนไลม์ 2 แห่งในอินเดีย คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ดันกำลังการผลิตติดตั้งรวม (ณ ปี 2562) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ยกระดับเคมีแมนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก
นายอดิศักดิ์ เหล่าจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุดในไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 21 มีนาคม หลังจากที่ปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยมั่นใจว่าจากศักยภาพของเคมีแมนที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ดำเนินธุรกิจปูนไลม์ในประเทศเพียงรายเดียวที่มีทั้งโรงงานผลิตและได้รับประทานบัตรเหมืองอายุ 25 ปี (สิ้นสุด 23 มิ.ย. 2583) ที่มีปริมาณแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ (Ultra-high Calcium Limestone) ส่งผลดีต่อคุณภาพและความมั่นคงของวัตถุดิบรวมถึงการบริหารต้นทุน จะทำให้หุ้น CMAN ได้รับการตอบรับที่ดี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย 3 ประเภท ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'CHEMEMAN' ได้แก่ 1. ปูนควิกไลม์ หรือแคลเซียมออกไซด์ ที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทฯ 2. ปูนไฮเดรตไลม์ หรือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ และ 3. แร่หินปูนเคมีและแร่หินปูนเคมีบด หรือแคลเซียมคาร์บอเนต เพื่อจำหน่ายในไทยและต่างประเทศรวมกว่า 20 ประเทศ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 9 แสนตันต่อปี จากฐานการผลิตในประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานแก่งคอย โรงงานพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และโรงงานในนิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง รวมถึงมีศูนย์กระจายสินค้าในประเทศออสเตรเลียอีก 2 แห่งเพื่อกระจายสินค้าในประเทศดังกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMAN กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ ชำระเงินกู้จากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยปัจจุบันเคมีแมนอยู่ระหว่างร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น 2 รายในประเทศอินเดีย ดำเนินการก่อสร้างโรงงานปูนไลม์ 2 แห่งในเมือง Visakhapatnam และเมืองTuticorin ซึ่งเป็นเมืองท่าและเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของอินเดีย คาดว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม (ณ ปี 2562) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ล้านตันต่อปี และยกระดับกลุ่มบริษัทเคมีแมนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก
"เรามีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตติดตั้งปูนไลม์ติด 10 อันดับแรกของโลก และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างการเติบโต โดยมั่นใจว่าด้วยคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ปูนไลม์ที่ถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษและกระดาษ อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ จะเป็นโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก" นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า เคมีแมนมีพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการแข่งขันที่ดี โดยมีทั้งโรงงานผลิตและประทานบัตรเหมืองจากภาครัฐส่งผลดีต่อความมั่นคงด้านการผลิตและแหล่งวัตถุดิบ อีกทั้งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์รายใหญ่ที่สุดในไทยและผู้นำอุตสาหกรรมปูนไลม์และเคมีภัณฑ์ต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปหลากหลายอุตสาหกรรมและครอบคลุมพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านการทำตลาดที่ดี
"เชื่อมั่นว่าเคมีแมนจะเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปูนไลม์มีฐานลูกค้ากว้าง สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตสินค้าที่หลากหลาย ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีทีมงานที่มีความรู้และความเข้าใจในอุตสาหกรรมปูนไลม์เป็นอย่างดี มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดจนขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีโอกาสการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งในและต่างประเทศ" นายไพบูลย์ กล่าว