กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--IR network
TACC ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต10% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท เดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสิทธิ์การ์ตูน Rilakkuma ครอบคลุม 7 ประเทศ
ในส่วนของสินค้าเบเกอรี่ก็เติบโตขึ้นจากปีก่อน หนุนผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุดคณะกรรมการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารเงิน และจ่ายปันผล 0.09 บาท/หุ้น
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ ใน 7-11 เป็นเครื่องดื่มในโถกด , เครื่อมดื่มชนิดผงพร้อมชง ขายให้ร้าน All Cafe เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2561 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี2560 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 112.47 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดประมาณ 2-3 ผลิตภัณฑ์ จะช่วยสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างรวดเร็ว และมีความยั่งยืน ทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C
จากความสำเร็จของ Character Business ในส่วนของ Sanrio นั้น ทำให้ในปีนี้ TACC ได้เซ็นสัญญา Licensing Agreement กับบริษัท Ingram ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวแทนอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ของบริษัท San-X ประเทศญี่ปุ่น (Licensor) ระยะเวลาของสัญญา 4 ปี โดย TACC จะเป็นตัวแทนที่ดูแล Licensee ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลยเซีย กัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม โดยคาแรคเตอร์ของ San-X ได้แก่ Rilakkuma, Sumikko Gurashi, Sentimental Circus, Kamonohashikamo, Mamegoma เป็นต้น
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในต่างประเทศ ในกัมพูชา มีการแข่งขันที่สูงขึ้นมาก และเกิดสงครามราคาจากการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ๆ และตามด้วยการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องของทุกแบรนด์ ทาง "เซนย่า" (Zenya) ซึ่งอยู่ในกัมพูชามามากกว่า 10 ปี ยังคงวางแคมเปญ Zenya 10th Anniversary อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเพิ่มการจดจำและเพิ่มความรักในแบรนด์มากขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) ในอัตรา 0.09 บาทต่อหุ้น โดยขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิ์เงินปันผล( XD) วันที่ 25 เมษายน 2561 และจ่ายปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 และได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อบริหารการเงิน จำนวน 3 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.49%ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยมีวงเงินซื้อคืน มูลค่า 15.20 ล้านบาท และเป็นวิธีการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ระหว่างวันที่ 2 เมษายน ถึง 1 ตุลาคม 2561