กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. ชโย กรุ๊ป ผู้ให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ ลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 22 มี.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IP0 1,612.80 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CHAYO"
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ชโย กรุ๊ป ผู้ให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ ลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และให้บริการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CHAYO" ในวันที่ 22 มีนาคม 2561
กลุ่มบริษัท CHAYO ประกอบธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ ตามเงื่อนไขที่ผู้ว่าจ้างกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้ส่วนบุคคล หนี้ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น 2) ธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และ 3) ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า
CHAYO มีทุนชำระแล้ว 280 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 420 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 7-9 มีนาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 2.88 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 403.20 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,612.80ล้านบาท มี บมจ. บล. เออีซี เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้นำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารของบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้มากว่า 20 ปี และได้ขยายธุรกิจมายังการลงทุนบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การเข้าจดทะเบียนใน mai ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุนที่จะนำไปประมูลซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเพิ่ม จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
CHAYO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ ตระกูลยศะสินธุ์ ถือหุ้น 71.31% ตระกูลมั่นนิธิวรกุล ถือหุ้น 2.14% และตระกูลแจ่มวุฒิปรีชา ถือหุ้น 1.25% การกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.88 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 27.69 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1มกราคม-31 ธันวาคม 2560) ซึ่งเท่ากับ 58.24 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.104 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.chayo555.com และ www.set.or.th