กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 20 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,313.80-1,318.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,450 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,450บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,530 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,470 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.26 น. ของวันที่ 20/03/61)
แนวโน้มวันที่ 21 มีนาคม 2561
ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐได้สร้างความวิตกกังวลว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะเดินหน้ายกเลิกระบบการค้าเสรี ขณะที่คาดการณ์ว่าในวันศุกร์นี้ ปธน.ทรัมป์จะประกาศการกำหนดภาษีนำเข้ามูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อภาคเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภคจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อลงโทษจีนกรณีกดดันบริษัทสหรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์ทางปัญญาของสหรัฐ ซึ่งสมาคมการค้าของสหรัฐ 45 แห่งเรียกร้องปธน.ทรัมป์ ล้มเลิกแผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีน แต่ขอให้ร่วมมือกับชาติต่างๆ เพื่อกดดันจีนให้ยุตินโยบายที่ไม่เป็นธรรมกับบริษัทต่างชาติแทน ขณะที่เกาหลีใต้วางแผนออกปฏิบัติการซ้อมรบร่วมทางทหารกับสหรัฐในวันที่ 1 เม.ย.นี้ หลังเลื่อนออกไปในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ฤดูหนาว ประเด็นดังกล่าวอาจสร้างความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง จนหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้นักลงทุนจับตาท่าทีของเกาหลีเหนือ ซึ่งเคยประกาศว่าจะตอบโต้หากสหรัฐจัดการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าการซ้อมรบดังกล่าวเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม อย่างไรก็ตามราคาทองคำขยับขึ้นได้ไม่ไกลมากนัก เพราะนักลงทุนรอความชัดเจนจากผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด(FOMC) ในคืนวันพุธนี้ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. เบื้องต้นวายแอลจีแนะนำว่านักลงทุนอาจชะลอการลงทุน หรือพยายามลดขนาดของพร์อตลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนของราคา สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบระหว่างวัน หรือ นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนออกไปก่อน และกลับเข้ามาลงทุนใหม่หลังทราบผลการประชุมเฟด
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ สามารถรับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงทุน แต่สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ หากราคาทองคำมีการปรับลดลงทดสอบแนวรับและไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,306-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือหรือมีสถานะซื้อ แนะนำทยอยขายหรือปิดสถานะทำกำไรตามบริเวณแนวต้าน 1,321 หรือ 1,332 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าราคาหลุดโซน 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายตัดขาดทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,302 (19,200บาท) 1,291 (19,000บาท) 1,283 (18,900บาท)
แนวต้าน 1,321 (19,500บาท) 1,332 (19,650บาท) 1,341 (19,800บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,302 (19,340บาท) 1,291 (19,180บาท) 1,283 (19,060บาท)
แนวต้าน 1,321 (19,630บาท) 1,332 (19,790บาท) 1,341 (19,930บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999