กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บอร์ดบริษัท พริมา มารีน ("PRM") อนุมัติแผนเข้าซื้อหุ้น 70% ในบริษัท บิ๊กซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลภายในประเทศ ก่อนทยอยซื้อครบ 100% ใน 3 ปีเพื่อควบรวมกิจการ คาดจะใช้เงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2,900 ล้านบาท หวังช่วยรุกขยายตลาดและฐานลูกค้า เสริมความแข็งแกร่งให้แก่การดำเนินธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเลียมเหลวทางทะเล
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM") ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ดฯ) ได้อนุมัติลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น รวมทั้งสัญญาผู้ถือหุ้น ทั้งหมดของบริษัท บิ๊กซี จำกัด คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้ทั้งสิ้นไม่เกิน 2,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท บิ๊กซี จำกัด (Big Sea) เป็นเจ้าของกองเรือขนส่งขนาดเล็ก (Small Vessels) จำนวน 13 ลำ อายุเรือเฉลี่ย 17.3 ปี ขนาดความจุรวม 2.7 ล้านลิตร ที่ให้บริการรับขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ โดยรับสินค้าจากโรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมันในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ให้แก่ลูกค้ากลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ เช่น ปตท. บางจาก ไออาร์พีซี เชลล์ เชฟรอน เป็นต้น
การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินของ PRM ในด้านธุรกิจขนส่งน้ำมันและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรือให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของจำนวนเรือขนส่งขนาดเล็กที่ให้บริการที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าภายในปี2561 จากเดิมที่บริษัทฯ มีอยู่ 13 ลำ รวมถึงยังช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมอีกด้วย
"เรามองเห็นโอกาสขยายธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป ทางทะเล ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีตามปริมาณความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของ Big Sea ที่ช่วยทำให้เราสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของPRM ให้มีความแข็งแกร่งและผลักดันการเติบโตในแง่ของผลการดำเนินงานอย่างก้าวกระโดด" นายชาญวิทย์ กล่าว