กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกระแสสมัยนิยมในปัจจุบัน ที่ตอบรับในเรื่องของวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน การท่องเที่ยว การแต่งกายย้อนยุค ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างมาก ไม่เพียงแค่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ให้ความนิยม ของชาวต่างชาติที่นิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย ข้อมูลดรรชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดการณ์ในปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 37.18 – 37.92 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 5.06 – 7.15 และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวรวม
2.12 – 2.16 ล้านล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ และรสชาติถูกปากของชาวต่างชาติ อาทิ เมนู มัสมั่น ผัดไทย ส้มตำ และ ต้มยำกุ้ง เป็นต้น จากกระแสที่กำลังได้รับความนิยมนี้ กพร. จึงได้มุ่งเน้นการฝึกยกระดับทักษะฝีมือแรงงานด้านธุรกิจการท่องเที่ยว และการประกอบอาหารซึ่งดำเนินการฝึกอบรมโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน ทั่วประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปี 2561 กพร. มีโครงการเพิ่มศักยภาพกำลังแรงงานภาคอุตสาหกรรมและบริการไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
มีเป้าหมายดำเนินการฝึกผู้ประกอบอาหารไทย 7,740 คน ดำเนินการแล้ว 3,476 คน ซึ่งในปีหนึ่งๆ รับนักศึกษากว่า 600 คน และมากกว่ากึ่งหนึ่งได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศภูมิภาคเอเชีย และยุโรป อาทิ จีน ไต้หวัน อังกฤษ และเยอรมัน เป็นต้น ทั้งนี้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร (สพร. 13 กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับวิทยาลัยดุสิตธานี จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดย สพร. 13 กทม. ได้มอบใบอนุญาตดำเนินการ และป้ายศูนย์ทดสอบมาตรฐาน เพื่อดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 ให้แก่วิทยาลัยดุสิตธานี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาวิชาชีพที่มีชื่อเสียง มุ่งเน้นการเรียนรู้ทั้งในภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และการฝึกอบรมด้านธุรกิจอุตสาหกรรมบริการในภูมิภาคตะวันออกและในระดับชาติ
เปิดสอนการประกอบอาหารเพื่อรองรับ และสนับสนุนการขยายตัวของภาคบริการ และการท่องเที่ยว โดยหลังจากที่จบการฝึกทักษะฝีมือแล้ว จะได้รับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นการการันตีมาตรฐานของอาชีพผู้ประกอบอาหารไทยในเรื่องของความสะอาด ความถูกต้องของการใช้วัตถุดิบต้องเป็นตามปริมาณที่กำหนดเพื่อรสชาติที่ไม่ผิดเพี้ยนถูกต้องตามเมนูอาหาร ตลอดจนความสวยงามในการจัดหน้าตาของอาหารจานนั้นๆเป็นต้น
ในอนาคตธุรกิจการท่องเที่ยว และอาหารกำลังพัฒนาและยกระดับสูงขึ้นในภาคบริการ ซึ่ง กพร. มีความพร้อมที่จะผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก โดยอาหารไทยจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในเมนูอาหารสากล และเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ ทั้งนี้จะนำมาซึ่งชื่อเสียง และรายได้ให้แก่ประเทศไทยอย่างมหาศาลแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพหมานคร 02 – 3900261 – 5 หรือสายด่วน 1506 กด 4 อธิบดี กพร. กล่าว