กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 23 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,328.80-1,343.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,880 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,750 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.27 น. ของวันที่ 23/03/61)
แนวโน้มวันที่ 26 มีนาคม 2561
ความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้ลงนามในบันทึกของประธานาธิบดีซึ่งอาจจะบังคับใช้มาตราเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินมากถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะใช้เวลา 30 วันในการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้ แม้ว่าสหภาพยุโรป (EU) และอีกประเทศต่างๆ 6 ประเทศได้รับการยกเว้นชั่วคราวต่อการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม แต่การส่งสัญญาณจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เท่ากับการจุดชนวนสงครามการค้าโลก จนกระตุ้นแรงซื้อทองคำ และกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในฐานะสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวลง ขณะที่จีนตอบโต้การจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยเตรียมจัดเก็บภาษีเพิ่มสู่ระดับ 3 พันล้านดอลลาร์ต่อการนำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงถูกบั่นทอนต่อไป หลังจากที่ปธน.ทรัมป์แต่งตั้งนายจอห์น บอลตันให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติแทนนายพลเอชอาร์ แม็คมาสเตอร์ โดยนายบอลตันเป็นผู้ที่สนับสนุนการใช้กำลังทางทหารต่อเกาหลีเหนือและอิหร่าน เป็นอีกปัจจัยที่ทัศนะเชิงบวกต่อการลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ทองคำขยับขึ้นไม่มากนักเพราะ สภาคองเกรสลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล มูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ และได้ส่งต่อให้ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ทั้งนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะระงับการเกิดภาวะรัฐบาลปิดดำเนินการ (ชัตดาวน์) และทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางได้รับเงินอุดหนุนไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2561 ซึ่งจะยุติภาวะขัดแย้งเรื่องงบประมาณในรัฐบาล เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,329-1,325 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้น ราคาทองคำพยายามขึ้นทดสอบบริเวณ 1,341-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,352-1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้หากราคาไม่สามารถยืนได้ยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,341-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้างเพราะในช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,329-1,325 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,329 (19,600บาท) 1,318 (19,450บาท) 1,307 (19,250บาท)
แนวต้าน 1,346 (19,900บาท) 1,355 (20,000บาท) 1,366 (20,200บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,329 (19,720บาท) 1,318 (19,550บาท) 1,307 (19,390บาท)
แนวต้าน 1,346 (19,980บาท) 1,355 (20,110บาท) 1,366 (20,270บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999