กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ เสี่ยงภัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่าง เตรียมรับมือกับพายุเลกีมา ซึ่งจะทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับรถผ่านที่ราบเชิงเขา อาจได้รับอันตรายจากดินถล่มลงมาปิดทับเส้นทางได้ ส่วนผู้ขับรถในเมืองให้ลดความเร็วลง เนื่องจากถนนเปียกลื่น อาจทำให้รถลื่นไถลได้ง่ายและต้องใช้ระยะการเบรคมากกว่าปกติ
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ถึงแม้พายุเลกีมาจะออนกำลังลง เป็นดีเปรชชั่นแล้วก็ตาม แต่ก็ส่งผลให้เกิดฝนตกหนาแน่นและมีลมกระโชกแรงในบริเวณที่พายุเคลื่อนตัวผ่าน โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่าง จึงขอเตือนผู้ที่ต้องขับรถผ่าน เส้นทางเสี่ยง ของจังหวัดดังกล่าวบริเวณที่ราบเชิงเขา ให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น และควรขับรถชิดเส้นเหลืองกลางถนนให้มากที่สุด เพราะอาจมีก้อนหินและดินถล่มหล่นลงมาปิดทับเส้นทาง ในกรณีที่ถนนสร้างขวางเส้นทางของทางน้ำไหล หากมีฝนตกหนักและสังเกต พบว่า เริ่มมีน้ำไหล่บ่าพาดผ่านถนน และน้ำในร่องน้ำข้างถนนเป็นสีเดียวกับ สีดินจากภูเขา ให้รีบขับรถออกจากบริเวณนั้นทันที เพราะถนนอาจถูกกระแสน้ำตัดขาดได้ และดินบนไหลเขาอาจหล่นทับเส้นทางได้ ในกรณีที่ต้องขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่มปิดทับเส้นทาง ควรตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่า สามารถเดินทางผ่านได้หรือไม่ หากผู้ขับรถไม่ชำนาญเส้นทางและประสบเหตุการณ์ฝนตกหนักขณะขับรถผ่านหุบเขา ควรหยุดรถหาที่จอดข้างทางที่ปลอดภัย รอจนฝนหยุดแล้วค่อยเดินทางต่อไป
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า ฝนที่ตกชุกในช่วงนี้ทำให้ถนนเปียกลื่น ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในขณะที่ฝนตกควรเปิดไฟหน้า-หลังรถทุกครั้ง จะทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นเห็นเราได้ชัดเจนไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะในขณะฝนตก ถนนจะลื่น อาจทำให้รถลื่นไถลไปชนคันหน้าได้ง่าย จึงควรค่อยๆเหยียบเบรก เพื่อหยุดรถ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าช่วงปกติประมาณ 10-15 เมตร หลีกเลี่ยงการเปิดไฟกระพริบ เพราะอาจทำให้รถที่ขับตามหลังมาเข้าใจผิดคิดว่าเกิดอุบัติทางถนนบนเส้นทางข้างหน้าจนต้องขับเปลี่ยนเส้นทาง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากฝนตกหนักมากขึ้นจนไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน ควรจอดพักในที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน รอจนฝนหยุดตก หรือสามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนแล้ว ค่อยเดินทางต่อไป สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่กรม ปภ. ศูนย์ ปภ.เขตและสำนักงาน ปภ. จังหวัด ในเขตรับผิดชอบ หรือสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป