กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) โชว์สถิติการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรของโรงงานอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีในช่วงเดือนตุลาคม 2560 – กุมภาพันธ์ 2561 พบจำนวนผู้ประกอบการที่ยื่นจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่า 23 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยวงเงินจำนองประมาณ 56,500ล้านบาท พร้อมเผยแนวการส่งเสริมการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ใน ปี 2561 มุ่งให้สิทธิประโยชน์ 4 ด้านได้แก่ 1. สิทธิพิเศษเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงิน 18แห่ง 2. เงินทุนหมุนเวียน เพื่อนำเงินทุนไปหมุนเวียนในกิจการหรือซื้อเครื่องจักรใหม่ 3.การยกเว้นภาษี 4.สิทธิประโยชน์อื่นๆ อาทิ การยื่นคำขอจดทะเบียนฯ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่จะมีความรวดเร็วภายใน 3 วัน การจัดสัมมนาให้ความรู้ เป็นต้น
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรของโรงงานอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีในช่วงเดือนตุลาคม 2560 – กุมภาพันธ์ 2561 มีผู้ประกอบการยื่นจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร 652 ราย จำนวนเครื่องจักร 4,537 เครื่อง มูลค่าเครื่องจักรที่จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ 94,166 ล้านบาท และวงเงินจำนองเครื่องจักร 56,500 ล้านบาท ทั้งนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาพบว่า จำนวนผู้ประกอบการที่ยื่นจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่า 23 % ซึ่งจากเดิมมีจำนวน 527 ราย เครื่องจักร 2,772 เครื่อง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ 184 ราย จำนวนเครื่องจักร 894 เครื่อง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากพลาสติก 91 ราย จำนวนเครื่องจักร 400 เครื่อง อุตสาหกรรมการพิมพ์ 70 ราย จำนวนเครื่อง 113 เครื่อง อุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า จำนวน 33 ราย เครื่องจักร 369 เครื่อง และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากอโลหะอื่นจำนวน 25 ราย เครื่องจักร 52 เครื่อง ทั้งนี้ การปรับตัวที่ดีขึ้นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการขยายตัวของภาคการผลิตที่จะส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศที่สูงขึ้นในลำดับต่อไป
นายมงคล กล่าวต่อว่า ในปี 2561 กรอ.ยังคงดำเนิน "โครงการเร่งรัดการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม" ด้วยกิจกรรมแปลงเครื่องจักรเป็นทุน และปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการประกอบกิจการ โดยยังมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการได้มีการใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง มีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในด้านการตลาด ลดต้นทุนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่นำเครื่องจักรภายในโรงงานเข้ามาจดทะเบียนกรรมสิทธิ์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อนำเอกสารการจดทะเบียนฯ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันจะได้รับสิทธิประโยชน์ 4 ด้าน คือ
1. สิทธิพิเศษเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงิน 18 แห่ง ผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินกู้รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท สามารถกู้ได้สูงสุดถึง 90% ของใบสั่งซื้อเครื่องจักร โดยมีดอกเบี้ย 4% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา สามารถผ่อนได้นานได้ถึง 7 ปี และปลอดชำระการคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
2.เงินทุนหมุนเวียน โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องนำเครื่องจักรเดิมมาจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อนำเงินทุนไปหมุนเวียนในกิจการหรือซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยเครื่องจักรที่ใช้เป็นหลักทรัพย์จะได้รับเงินในการปล่อยกู้ประมาณ 1 ล้านบาท/เครื่อง
3.ได้รับการยกเว้นภาษี ผู้ประกอบการจะได้ยกเว้นอากรขาเข้าของเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินทุนโดยไม่รวมค่าที่ดิน และทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง
4.สิทธิประโยชน์อื่นๆ อาทิ การยื่นคำขอจดทะเบียนฯ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่จะมีความรวดเร็วภายใน 3 วัน จัดสัมมนาให้ความรู้ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศร่างกฎกระทรวง 3 ฉบับ ว่าด้วยอนุญาตให้เอกชน (เติร์ดปาร์ตี้) เข้ามาช่วยตรวจสอบเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากกฎหมายดังกล่าวพร้อมประกาศใช้ คาดว่าจะมีวงเงินจำนองเครื่องจักรเพิ่มเป็น 335,910,000,000 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 75% จากมูลค่าการจดทะเบียนเครื่องจักรในปัจจุบัน โดยยังคาดว่า ในปี 2561 จะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอียื่นขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรอีกไม่น้อยกว่า 1,500 ราย นายมงคล กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ รวมถึงข้อมูลต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานทะเบียนเครื่องจักรกลาง กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทร. 0 2202-4055 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.th