กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง พื้นที่การเกษตร ป่าไม้ และเขื่อนที่มีปริมาณน้ำน้อย ปฏิบัติการฝนหลวงสร้างความชุ่มชื้นและเติมน้ำในเขื่อน และพื้นที่เป้าหมายที่ขอรับบริการฝนหลวง พร้อมช่วยเหลือบริเวณที่ประสบปัญหาหมอกควันทางภาคเหนือ
วันที่ 27 มีนาคม 2561 เวลา 11.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่การเกษตร ปริมาณน้ำในเขื่อนบางเขื่อนยังอยู่ในระดับปานกลาง รวมถึงปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงเร่งปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งจากผลการปฏิบัติการฝนหลวงวันที่ 26 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมาพบว่า ด้านการช่วยเหลือปัญหาภัยแล้ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยหน่วยปฏิบัติการ ฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น ปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ผลการปฏิบัติการพบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาและลุ่มรับน้ำเขื่อนลำตะคอง ภาคกลางโดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ มีเป้าหมายสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ผลการปฏิบัติการพบว่าสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จตรงตามพื้นที่เป้าหมาย และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้บริเวณพื้นที่เขตอนุรักษ์ด้านตะวันตกของภาคกลาง ผลการปฏิบัติการพบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง บริเวณอำเภอศรีสวัสดิ์และทองผาภูมิ รวมถึงบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติ พุเตย และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และภาคตะวันออกโดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่การเกษตรบริเวณพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งผลปฏิบัติการพบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณอำเภอวังสมบูรณ์ วังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว และอำเภอสนามชัยเขต ท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำคลองสียัดอีกด้วย
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในด้านการช่วยเหลือบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่าทางภาคเหนือ ได้มอบหมายให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพิษณุโลก ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งยังคงพบว่ามีค่าปริมาณฝุ่นละออง PM10 ในอากาศเกินค่ามาตรฐานจำนวน 2สถานี ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดน่าน จึงสั่งการให้ปฏิบัติการฝนหลวงเร่งด่วน โดยใช้เครื่องบินชนิดCASA และ CN จำนวน 3 ภารกิจ 5 เที่ยวบิน ใช้สารฝนหลวงจำนวน 6 ตัน ปฏิบัติการฝนหลวงสร้าง ความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่การเกษตรจังหวัดน่าน พะเยา และแพร่ ซึ่งทำให้มีฝนตกปานกลาง บริเวณอำเภอบ้านหลวง เวียงสา นาน้อย จังหวัดน่าน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา และอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ส่วนหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ป่าไม้จังหวัดตากและพื้นที่การเกษตรจังหวัดน่าน จำนวน 2 ภารกิจ 3 เที่ยวบิน ใช้สารฝนหลวงจำนวน 2 ตัน และสารฝนหลวงชนิด ซิลเวอร์ไอโอไดด์ (AgI) จำนวน 15 นัด พบว่ามีฝนตกเล็กน้อยบริเวณพื้นที่อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งหลังจากการปฏิบัติการพบว่า ค่า PM10 ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาหมอกควันลดลงอยู่ในระดับปานกลาง
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทุกหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ยังคงติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ยังคงติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยพร้อมที่จะขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ร้องขอทันที ที่สภาพอากาศเหมาะสม และจะประสานกับประชาชนเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น โดยเกษตรกรและประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลสถานการณ์และความต้องการฝนในพื้นที่โดยตรงได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วทุกภูมิภาคหรือติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตรและเว็ปไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร www.royalrain.go.th