กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดแคมเปญพิเศษ “สิงหาพาแม่เที่ยว” กระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศและเป็นครั้งแรกสำหรับการบินไทย ที่จัดแพ็คเกจในวาระสำคัญเพื่อให้ลูก ๆ ใกล้ชิดกับแม่มากยิ่งขึ้นในบรรยากาศที่แตกต่าง โดยได้มอบแพ็คเกจสิงหาพาแม่เที่ยว ให้กับ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์, วาสนา เจริญศิลป์ แม่น้องฮ่องเต้ หรือน้องแทน-พัชรพล, สหรัถ สังคปรีชา, เปรมสินี รัตนโสภา เพื่อเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เลือกไปเยือนทะเลฝั่งอันดามัน ที่จังหวัดภูเก็ต นั่นเพราะคุณหมอไปด้วยความรัก และรู้ว่าทะเลมีกิจกรรมให้ตื่นเต้นได้ตลอด คุณหมอคนเก่งเริ่มเล่าว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวหมอได้มาเที่ยวกัน 3 คนพ่อแม่ลูก ตื่นเต้นและเตรียมตัวมาเที่ยวกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหมอ เลือกเสื้อผ้ามาหลายชุด เน้นที่สีสด ๆ “วันแรกเมื่อมาเยือนเมืองภูเก็ต ที่แรกที่หมอไปคือ วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูเก็ต นมัสการหลวงพ่อแช่ม พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ตกเย็นพวกเรามานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพ เป็นจุดที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของภูเก็ต หลังจากนั้นหมอและครอบครัว ก็ไปทานอาหารเย็น เมนูที่ไม่พลาดเวลามาทะเลคือ ปูอบ จะมันและอร่อยมาก” วันนี้น้องเท็น-ญารวี ลูกสาวคุณหมอวัย 13มีเซอร์ไพรส์ คุณหมอเล่าว่า “น้องเท็นหยิบการ์ดที่ทำเองพร้อมพวงมาลัยมาให้ และบอกรักแม่ ซึ่งหมอก็ประทับใจเขาตลอดอยู่แล้ว เพราะน้องเท็นจะมีให้แม่เสมอ และทำอย่างนี้ทุกปี แต่ปีนี้เป็นวันพิเศษที่พวกเราได้มาเที่ยว อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า และยังเป็นวันแม่แห่งชาติอีกด้วย” หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว ครอบครัวโรจนสุนันท์ก็มุ่งหน้าไปดูโชว์ที่ขึ้นชื่อที่ ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งทำให้หมอยอมรับเลยว่า “หมอไปดูโชว์มาทั่วโลกแล้ว เห็นได้ว่าที่นี่ เป็นโชว์สวยงาม อลังการ กระชับดี”
เช้าวันใหม่ของอีกวัน คุณหมอและครอบครัวตื่นแต่เช้า ด้วยเพราะตื่นเต้นกับกิจกรรมที่จะได้อยู่กับทะเล มาครั้งนี้ต้องทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและลืมมันไปสักพัก พร้อมกับเปิดใจ รับสิ่งสวยงามที่จะได้เห็น โดยนั่งเรือยอร์ช ล่องเรือไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางน้องเท็นถามตลอดเลย แม่ค่ะ โน้นเกาะอะไร นี่ปลาอะไร เกาะแรกที่เรามาถึงคือ เกาะยาวน้อย ยังไม่ทันจะได้ขึ้นเกาะ คุณหมอก็อดใจไม่ไหวแล้วขอลงแช่น้ำทะเลสีสวยให้ฉ่ำใจเสียก่อน แต่ก่อนที่จะลงเล่นน้ำ คุณหมอบอกว่าสิ่งที่หมอจะขาดไม่ได้เวลามาทะเลคือ ซันบล็อก เพราะอย่างไรผู้หญิงก็ต้องห่วงเรื่องความสวยความงามของตัวเอง และครั้งนี้หมอไม่พลาดที่จะเอาชุดว่ายน้ำสีชมพูตัวเก่งมาด้วย
หลังจากพายเรือแคนนู เล่นน้ำ เต็มที่แล้ว ก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่ เกาะไข่ ที่นั่นมีปลาเยอะแยะเลย หมอและน้องเท็น เตรียมขนมปังมาให้ปลาด้วย ทางคณะสนุกสนานกับการให้อาหารปลา หยอกล้อเล่นกับพวกมัน หมอแนะนำการมาเที่ยวทะเลให้สนุกว่า ”มาทะเลให้สนุก เราต้องเข้าใจธรรมชาติ ทำตัวสนุกให้เต็มที่” ซึ่งวันนี้ดูทุกคนสนุกสนานกับธรรมชาติ เก็บโกยสิ่งสวยงามและอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุข ดูหมอเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ได้ไม่เท่าไรก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับฝั่งแล้ว และโบกมือบ้ายบายเก็บความสุขเอาไว้ในความทรงจำ
หลังจากการมาเที่ยวครั้งนี้น้องเท็นเล่าความรู้สึกว่า “มาเที่ยวทะเลแต่ละครั้งพวกเราจะมากันเป็นครอบครัวใหญ่ และน้องเท็นเลือกพาคุณแม่มาที่เกาะไข่นี้ เพราะน้องเท็นเคยไปมาแล้ว และชอบมาก จึงอยากให้แม่มาเที่ยวด้วย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครั้งนี้ประทับใจมาก เพราะเราได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ได้เล่นน้ำและพักผ่อนด้วยกัน” ส่วนหมอเล่าความประทับใจว่า “หมอว่าหมอได้อะไรใหม่ ๆ จากการมาท่องเที่ยวครั้งนี้เยอะเลย ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการพัฒนาการท่องเที่ยว การมาเยือนภูเก็ตไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ทุกอย่างสะดวก สบาย เราจะไปที่ไหนก็จัดโปรแกรมได้ หมอยังได้ไปเที่ยวสถานที่หลายแห่งที่เราไม่เคยไป อย่างเกาะยาวน้อย เกาะไข่ ภาพในความทรงจำครั้งเมื่อคุณแม่พาคุณหมอและพี่ ๆ มาเที่ยวทะเลฉายขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกประทับใจ ที่วันนี้หมอและครอบครัวได้ท่องเที่ยวในสถานที่ตนเองและครอบครัวไม่ว่ารุ่นไหนก็รัก นั่นคือ ทะเล ไม่น่าเชื่อว่า กิจกรรมท่องเที่ยว จะสามารถสร้างความใกล้ชิด ความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ ไม่เชื่อ ลองดูสิค่ะ”
ด้านหนุ่มก้อง- สหรัถ เลือกให้คุณแม่เที่ยว คือ ชมความงามของ อ่าวมาหยา อ่าวที่มีชื่อเสียงในด้านความงดงามกับน้ำทะเลสีฟ้าครามใส และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง “เดอะ บีช” ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล ต่อจากนั้นไปให้อาหารปลาที่ อ่าวโละซามะ และ อ่าวปิเละ ที่ยังคงความงดงามรวมถึงน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่สามารถมองเห็นปลาเสือหลายร้อยตัวว่ายมากินขนมปังที่โยนไปให้ ต่อมาก็ไปที่ อ่าวรันตี เพื่อดำน้ำแบบสน๊อคเกิ้ลชมความงามของแนวปะการังและปลาหลายชนิดใต้ท้องทะเล หรือแม้แต่บนเรือที่สามารถชมและให้อาหารปลาได้เช่นเดียวกัน เพราะความใสสะอาดของท้องทะเลที่เผยโฉมความงดงามให้เห็น หลังจากนั้นก็เดินทางไปสู่เกาะไก่ทับหม้อ หรือที่รู้จักกันในนาม “ทะเลแหวก” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย และชมความยิ่งใหญ่ของหน้าผา สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเสมือนกำแพงยาวเรียงตัวกันเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร ซึ่งเป็นหน้าผาที่ได้รับความนิยม จากนักปีนผาจากทั่วโลก ณ บริเวณ หาดไร่เลย์
หลังจากที่เที่ยวกันอย่างสนุกสนานด้วยความรัก ความประทับใจ และความอบอุ่นของครอบครัว “สังคปรีชา” แล้ว โสมวรรณ ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขว่า “มาเที่ยวกระบี่เป็นครั้งแรก ชอบและประทับใจมาก โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวทะเลอยู่แล้ว เพราะทะเลมีกิจกรรมให้ทำเยอะ โดยเฉพาะเป็นคนชอบว่ายน้ำ สมัยที่ก้องยังเด็กๆ ครอบครัวก็จะพาไปเที่ยวพัทยากันทุกอาทิตย์ และปัจจุบันก็ยังไปเที่ยวทะเลกันอยู่ ช่วงนี้ไปหัวหินอย่างน้อยเดือนละครั้ง มีสถานที่ให้เปลี่ยนไปเที่ยวเรื่อย ๆ และสำหรับกระบี่รู้สึกชอบมาก เพราะน้ำใส ได้ดำน้ำดูปะการังและให้อาหารปลาที่อ่าวรันตี ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก และได้เก็บภาพความประทับใจทั้งหมดเอาไว้ ในกล้องวิดีโอแล้วด้วย” โสมวรรณ ยังกล่าวถึงลูกชายคนโตด้วยว่า “ก้องมีนิสัยที่คล้ายๆ กัน เป็นคนนิ่ง รับผิดชอบ เสมอต้นเสมอปลาย มีความคิดที่เหมือนกัน สำหรับก้องกับแม่เราจะไม่มีอะไรพิเศษ เพราะเราจะให้กันตลอดเวลา ดังนั้นเราจะไม่มีเซอร์ไพร้ส์เพราะเซอร์ไพรส์ของเราก็คือการให้กันทุก ๆ วัน”
ส่วนก้องได้กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ รู้สึกสนุกและประทับใจมาก ทะเลที่นี่สวย น้ำใส บรรยากาศดี และอาหารก็อร่อยมาก ซึ่งเป็นครั้งแรกของคุณแม่เช่นเดียวกันที่ได้มาเที่ยวที่นี่ เพราะปกติจะพาคุณแม่ไปทานข้าวมากกว่า ส่วนกิจกรรมใหญ่ ๆ อย่างเช่นวันนี้ก็จะนาน ๆ ที ประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งวันแม่ปีนี้ก็เช่นกันที่ได้พาคุณแม่ไป ทานข้าวที่ร้านที่คุณแม่ชอบ และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับปีนี้ที่ได้พาคุณแม่มาเที่ยวกระบี่ ได้ไปตามเกาะต่าง ๆ ชมความงามของทะเล โดยสาเหตุที่เลือกจังหวัดนี้ก็เพราะไม่เคยมา แต่เมื่อมาแล้วก็มีความประทับใจอย่างมากจึงถือว่าเป็นวันพิเศษอีก 1 วันที่มีโอกาสได้อยู่กับคุณแม่และได้พามาเที่ยว ซึ่งเราสามารถดูแลและรักแม่ได้ทุกวันไม่ใช่เจาะจงแต่เพียงวันแม่เท่านั้น วันธรรมดาก็สามารถทำได้เช่นกัน”
ก้องยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ภาคแต่ละภาคของประเทศไทยมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ต่างก็มีความงดงามที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าเราจะชอบแบบไหนและไปกับใครจึงจะสร้างความประทับใจให้เรา”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัทแม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--