กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 02 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,324.50-1,332.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,750 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,720 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 02/04/61)
แนวโน้มวันที่ 03 เมษายน 2561
การซื้อขายบางเบาในช่วงเทศกาลอีสเตอร์และราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ว่าตลาดสหรัฐจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์นี้ แต่ศูนย์กลางทางการเงินสำคัญยังปิดทำการ เช่นตลาดในออสเตรเลีย, ฮ่องกง, อังกฤษ และเยอรมนี สำหรับประเด็นสงครามการค้าชัดเจนมากขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนออกมาประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐ โดยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐจำนวน 128 รายการ ในอัตราสูงสุดถึง 25% รวมถึง เนื้อหมูแช่แข็ง, ไวน์และผลไม้สำคัญ รวมทั้ง ถั่วชนิดต่างๆ เพื่อตอบโต้กรณีสหรัฐกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศรายชื่อสินค้าของจีนที่เป็นเป้าหมายของการจัดเก็บภาษีจากสหรัฐ เพื่อลงโทษจีนกรณีใช้นโยบายถ่ายโอนด้านเทคโนโลยี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวหากทวีความตึงเครียด จนสร้างความวิตกกังวลหรือส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ก็จะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ขณะที่ข้อมูลของคณะกรรมการซื้อขายสัญญาโภคภัณฑ์ล่วงหน้าสหรัฐเผยในวันศุกร์ว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้บริหารเงินได้เพิ่มสถานะการซื้อสุทธิทองคำสัญญา COMEX ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มี.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาความพยายามลดการขัดแย้งกรณี จีนอ้างกรรมสิทธิ์ในพื้นที่บางส่วนในทะเลจีนใต้ และได้ก่อสร้างเกาะเทียมขึ้น ขณะที่ บรูไน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวันและเวียดนามต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ในพื้นที่บางส่วนในทะเลจีนใต้เช่นกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ประชุมร่วมกับ รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากแนวโน้มการเจรจาเป็นบวกจนเพิ่มการค้าและการลงทุนมากขึ้น ทองคำก็จะถูกลดความความน่าสนใจลง สำหรับมุมมองราคาทองคำนั้น ประเมินว่าหากราคาทดสอบแนวต้าน 1,333-1,338 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ อาจทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,333-1,338 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง เพราะในช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,313ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,321 (19,450บาท) 1,313 (19,350บาท) 1,306 (19,250บาท)
แนวต้าน 1,338 (19,750บาท) 1,346 (19,850บาท) 1,356 (20,000บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,321 (19,580บาท) 1,313 (19,460บาท) 1,306 (19,360บาท)
แนวต้าน 1,338 (19,840บาท) 1,346 (19,960บาท) 1,356 (20,110บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999