กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "โครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ" สนับสนุนนโยบายรัฐบาลสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระบบได้ โดยลูกค้า ธอส. ที่ต้องการสร้างอาชีพ สามารถขอสินเชื่อจาก ธพว. โดยมี บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ ส่วนลูกค้า ธพว. และบสย.ที่มีอาชีพที่เข้มแข็งต้องการสร้าง ขยาย หรือต่อเติมที่อยู่อาศัย รวมถึงต้องการเป็นผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ หรือทำโครงการจัดสรร สามารถขอสินเชื่อกับ ธอส.ได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ยังร่วมกันส่งเสริมพัฒนาทักษะ เพิ่มพูนความรู้ สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ในท้องถิ่นให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เริ่ม 3 เม.ย. - 28 ธ.ค.61
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจ เริ่มจากเศรษฐกิจระดับฐานราก ระดับท้องถิ่น ที่เรียกว่า Local Economy ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนให้มีความเข้มแข็งและสามารถจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) เป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ ผ่านธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ SMEs
"ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จึงได้ร่วมกันจัดทำ "โครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ" เพื่อดำเนินกิจกรรมการสร้างองค์ความรู้ และส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ในท้องถิ่น และสร้างความมั่นคงในการดำเนินกิจการ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ โดยลูกค้า ธอส.ที่อยากต่อยอดธุรกิจเพื่อประกอบอาชีพ อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยวชุมชน หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นผู้ประกอบการใหม่หรือมีนวัตกรรมใหม่ สามารถขอสินเชื่อได้ที่ ธพว. โดยมี บสย.ค้ำประกัน สำหรับลูกค้า ธพว.และ บสย.ที่มีอาชีพที่เข้มแข็งแล้ว ต้องการซื้อ สร้าง ขยาย หรือต่อเติมที่อยู่อาศัย หรือแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ หรือสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) สามารถขอสินเชื่อกับ ธอส.ได้" นายสุรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้กรอบความร่วมมือในครั้งนี้ ธอส.พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยการเปิดให้บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลที่เป็นลูกค้าของ ธพว. และ บสย. ที่มีความต้องการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ ขอสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ หรือขอสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) สามารถเลือกใช้สินเชื่อของ ธอส.ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน โดยจะเปิดให้ยื่นกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด ประกอบด้วย
1.สินเชื่อรายย่อยทุกประเภทที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้กู้ อาทิ
1.1 โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี คงที่นาน 4 ปีแรก ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ได้แก่ (1)ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) (2)ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (3)ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ(4)ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (0.5% ของวงเงินจำนอง) ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัย สำหรับลูกค้ารายย่อยรายได้สุทธิไม่เกิน 25,000 บาท วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 2 ล้านบาท
1.2. โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บุคลากรภาครัฐ) (กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย MRR-3.75% ต่อปี ปัจจุบันเท่ากับ 3.00% ต่อปี นาน 4 ปีแรก ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกรณีกู้ชำระหนี้ หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 6.75% ต่อปี) ค่าธรรมเนียม 3 ฟรี ได้แก่ (1)ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) (2)ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน และ (3)ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กู้สำหรับลูกค้ารายย่อยเพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติมซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัย
2.สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ/แฟลต/อพาร์ทเม้นท์ (กรอบวงเงิน 1,500 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ MLR – 2.00% ต่อปี ปัจจุบันเท่ากับ 4.25% ต่อปี ปีที่ 2-5 ดอกเบี้ยเท่ากับ MLR – ไม่เกิน 1.00% ต่อปี ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ดอกเบี้ยเท่ากับ MLR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. เท่ากับ 6.25% ต่อปี) ค่าธรรมเนียม 2 ฟรี ได้แก่ (1) ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.25% ต่อปี ของวงเงินอนุมัติ) และ (2)ค่าประเมินราคาหลักประกัน ให้กู้เพื่อปลูกสร้าง ไถ่ถอนจำนองอาคารแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ ซื้อที่ดินพร้อมอาคารแฟลต และซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารแฟลต
3.สินเชื่อพัฒนาโครงการหรือ Pre Finance (กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท) วงเงิน Term Loan ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MLR + ไม่เกิน 1.00% ต่อปี และวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ยเท่ากับ MOR + ไม่เกิน 1.00% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MOR ธอส. เท่ากับ 7.00% ต่อปีวงเงินให้กู้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อโครงการ ให้กู้เพื่อก่อสร้างอาคารพัฒนาสาธารณูปโภค ค่าที่ดิน และการค้ำประกันที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดทำโครงการ สำหรับโครงการที่จัดทำที่อยู่อาศัยทุกประเภทในระดับราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ธพว. พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้า ธอส. ที่ประสงค์จะสร้างอาชีพในที่อยู่อาศัยเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว ดอกเบี้ย 3% ใช้ บสย. ค้ำประกันฟรี 4 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เกษตรแปรรูป ที่อาศัย อยู่ในชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1% ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีปัญหาทางการเงินสามารถกู้ได้ (แม้เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือผ่อนชำระไม่ต่อเนื่องมาก็ตาม) และสินเชื่อสร้างอาชีพวัยเก๋า ซึ่งผ่อนปรนเกณฑ์ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้นตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป จนถึง 75 ปี เป็นต้น
นางนิภารัตน์ พิสิฐพิทยเสรี รองผู้จัดการทั่วไป สายงานบริหารทั่วไป รักษาการแทนผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า "โครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ" เป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือและการบูรณาการระหว่างแบงก์รัฐ ในการช่วยผู้ประกอบการและลูกค้า ธอส. ได้เข้าถึงสินเชื่อธุรกิจ และการค้ำประกันสินเชื่อจากบสย.และยังเป็นครั้งแรกที่ 3 สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้จับมือกัน สร้างสรรค์และพัฒนาโมเดลสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อร่วมกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้า ธพว. ที่ต้องการสินเชื่อบ้าน และลูกค้าสินเชื่อบ้านของ ธอส. สามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อจาก 2 สถาบันการเงินดังกล่าว โดยยังมี บสย. เข้าไปช่วยเติมเต็มผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อธุรกิจ และขอสินเชื่อจาก ธพว. ด้วย โดยขณะนี้ บสย. มีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS 6) ปรับปรุงใหม่ วงเงินสนับสนุนอีกกว่า 30,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปี