กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--เลิร์น คอร์ปอเรชั่น
ผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) รวมทั้งนางสาววิริยา วิจิตรวาทการ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย และกิจการเพื่อสังคมด้านการศึกษา บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด จากประเทศไทย เข้าร่วมประชุมกับนายบารัค โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพื่อหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายโอบาม่าได้กล่าวอยู่เสมอว่า "การเปลี่ยนแปลงสังคมที่สำคัญ ล้วนแต่เริ่มมาจากคนรุ่นใหม่" ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้เริ่มต้นมาจากแนวคิดของนายโอบาม่า ระหว่างการดำรงตำแหน่งปีสุดท้าย ที่เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วน และนายโอบาม่าเองอยากเป็นแรงสนับสนุนที่จะทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีกระบอกเสียงในสังคมมากขึ้น"
ซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีผู้นำคนรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, สิงคโปร์, พม่า, บรูไน, ลาว รวมถึงนางสาววิริยา วิจิตรวาทการ ตัวแทนจากประเทศไทยนั้น ก็ได้มาแชร์ความคิดและประสบการณ์ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนา รวมถึงยกปัญหาจริงที่ตนเคยประสบเพื่อนำมาถกและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ซึ่งได้มีการกล่าวถึงจุดแข็งที่กลุ่มประเทศ ASEAN มี นั่นคือ ความแตกต่างของชาติพันธุ์และความแตกต่างในเรื่องของภาษาภายในประเทศ แต่ก็สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นอย่างดี
นางสาววิริยา วิจิตรวาทการ ตัวแทนจากประเทศไทย ยังได้ร่วมแชร์แนวทางของการแก้ปัญหาทางสังคมว่า "คนรุ่นใหม่ยังต้องการการพัฒนาและเรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นำที่เป็นทั้งคนดีและคนเก่งในสังคมอีกมาก และคิดว่าทางมูลนิธิโอบามาจะ สามารถช่วยส่งเสริมได้และสามารถเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญให้คนรุ่นใหม่มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพ รวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายกลุ่มคนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมในลักษณะเดียวกัน โดยเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน ข้อมูลและองค์ความรู้ที่จะทำให้งานต่างๆมีพลังและเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนมากขึ้นได้"
นอกจากนี้ นางสาววิริยา ยังกล่าวอีกว่า "นายโอบาม่า เป็นผู้ฟังที่ดีมากๆและทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราพูดทุกอย่างจะมีการไปคิดต่อยอดให้ทางโครงการสามารถสร้างกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่ได้จริง โดยหลังจากการเข้าพบในครั้งนี้ ทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น อยากทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคมมากขึ้น"
ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของการพัฒนากลุ่มประเทศ ASEAN โดยการใช้พลังความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมต่อไป.