กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนเมษายน รับปัจจัยบวกจากการประกาศงบ Q1/61 แนะติดตามนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความผันผวน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน พร้อมวางกรอบดัชนี 1,756 – 1,852 จุดแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ผลประกอบการผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 เติบโตดี ชู BANPU-CHG-CPN-GCAP-MONO-PTTGC-SCC-SPA เด่น
นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนเมษายน ได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 เริ่มจากกลุ่มธนาคารช่วงกลางเดือน เม.ย. และคาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือน พ.ค. รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ล่าสุด ธปท. ปรับเพิ่มเป้าหมาย GDP ปี2561 เป็น 4.2% จากเดิมที่ 3.9% สอดคล้องเป้าหมายของสภาพัฒน์ฯ และ สศค.
ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2561 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเติบโต 5 – 7% จาก 35.38 ล้านคน เมื่อปี 2660 โดย ก.พ.2561 เพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 3.56 ล้านคน (รวมนักท่องเที่ยวจีน 1.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 51% ซึ่งเป็นระดับ New High จาก 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ 2 เดือนแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 7.11 ล้านคน และคาดไตรมาส 1/2561 ยังคงดีต่อเนื่อง จากช่วง High Season ของฤดูท่องเที่ยว
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้ได้แก่ Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิรวม 58,117 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศ และประเด็นทางการเมือง ภายใต้การยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้ง ในเดือนก.พ.2562
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ไอร่า (AS) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือยเมษายนนี้ คือ การประมูลโครงการระบบราง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 โดยเฉพาะสายสีม่วงใต้ (มูลค่างานก่อสร้าง ประมาณ 80,000 ล้านบาท) และรถไฟทางคู่ –เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่างานก่อสร้าง ประมาณ 300,000 ล้านบาท และภายใต้ความไม่แน่นอน และนโยบายของสหรัฐฯ ที่ออกมาอาจสร้างความผันผวน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน เช่นที่เกิดขึ้นในเมื่อมี.ค. ที่ผ่านมา
ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเมษายนว่า ยังมีความผันผวน แม้คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/2561 โดยกลุ่มธนาคารจะประกาศในช่วงกลางเดือนนี้อย่างไรก็ตามคาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางจากช่วงวันหยุดเทศกาล และอาจได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นการเมือง ภายใต้การยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้ง ในเดือนก.พ.2562 รวมถึง Fund Flow จากแรงขายสุทธิต่อเนื่องของต่างชาติ แต่คาดยังได้รับการชดเชยจากแรงซื้อของสถาบันในประเทศ
อย่างไรก็ตามในส่วนของประเด็นต่างประเทศคาดว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะมีสัญญาณคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความผันผวน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อมี.ค. ที่ผ่านมาได้ โดยมีกรอบทางเทคนิค 1,756 – 1,852 จุด ทั้งนี้ แนะนำลงทุนในหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2561 มีแนวโน้มเติบโตดี เช่น BANPU, CHG, CPN, GCAP, MONO, PTTGC, SCC และ SPA