กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“มิลล์คอน” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กเส้น-เหล็กรูปพรรณนานาชนิด มั่นใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายใน เดือน พ.ย.นี้ ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน บล.เคทีบี แจงหลังออกโรดโชว์นักลงทุนสนใจเพียบ ระบุกระแสหุ้นกลุ่มก่อสร้างหนุน หลังรัฐเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เผยช่วงราคาอยู่ระหว่างการหารือ แต่น่าสนใจลงทุนแน่นอน
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กเส้นก่อสร้าง-เหล็กรูปพรรณนานาชนิด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) กับสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับ 1 แบบคำขออนุญาตของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า หุ้นของ MILL จะจดทะเบียนได้เดือนพฤศจิกายน 2550 โดยบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น
ปัจจุบัน MILL มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท สินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.77 พันล้านบาท กำลังการผลิตรวมประมาณ 5 แสนตันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตเหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อยประมาณ 2.5 แสนตันต่อปี และเหล็กรูปพรรณประมาณ 2.5แสนตันต่อปี
“เรามีความมั่นใจว่าหุ้น MILL จะเป็นที่สนใจของนักลงทุน เนื่องจากขณะนี้แนวโน้มเหล็กอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการลูกค้าที่ดี การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและส่งมอบสินค้าตรงเวลา รวมทั้งยังมุ่งเน้นการบริการในลักษณะ “One — Stop Service” ที่มีสินค้าเกี่ยวกับเหล็กทุกประเภทจำหน่าย ซึ่งจากการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินก็พบว่า เสียงตอบรับหุ้น MILL อยู่ในระดับที่ดีมากทีเดียว” กรรมการผู้จัดการ MILL กล่าว
ด้านนายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังหารือเพื่อกำหนดราคาขายหุ้น IPO จำนวน 100 ล้านหุ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ทำการนำเสนอข้อมูลของบริษัทฯ กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันแล้ว พบว่า มีกระแสตอบรับอย่างดี โดยนักลงทุนให้ความสนใจหุ้น MILL เป็นอย่างมาก
“ประเด็นสนับสนุนหลัก น่าจะมาจากขณะนี้หุ้นกลุ่มก่อสร้าง กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุน เพราะนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจที่ต้องดำเนินการของรัฐบาล คือ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจคท์) โดยเฉพาะรถไฟฟ้า ซึ่งแนวทางดังกล่าวส่งผลดีต่อหุ้น MILL โดยตรง เพราะโครงการก่อสร้างจำเป็นจะต้องใช้เหล็กรูปพรรณชนิดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก” นายชาญชัยกล่าว
นอกจากนี้ MILL ยังเป็นบริษัทฯ ที่น่าสนใจ จากการบริหารงานแบบมืออาชีพของคนรุ่นใหม่ การมีวินัยทางการเงิน และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยมีโอกาสที่จะเติบโต เนื่องจากภาครัฐได้มีการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ เช่น การอนุมัติการก่อสร้างรถไฟฟ้าไปแล้ว 2 สาย ซึ่งการที่รัฐบาลมีความชัดเจนมากขึ้นเช่นนี้ ก็จะทำให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะมีการเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน เช่น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะมีการลงทุนเพิ่มตามแนวเส้นทางที่รถไฟฟ้าผ่านอย่างแน่นอน
ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างรวดเร็วของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรือลาว ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสามารถกระตุ้นตลาดเหล็กได้เป็นอย่างดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กฤติยาพร พลตรี (บุ๋ม)
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทร. 02-643-1191 ,02-248-7967-8 มือถือ 08-9636-8414
E-mail address : kritiya_kpp@yahoo.com