กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 04 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,331.20-1,345.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,930 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,820 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.37 น. ของวันที่ 04/04/61)
แนวโน้มวันที่ 05 เมษายน 2561
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่รุนแรงขึ้น อาจจะกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อคณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีในอัตรา 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน รวมมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอุตสาหกรรม, การขนส่ง และการแพทย์ราว 1,300 รายการ อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยบริษัทสหรัฐจะมีเวลาจนถึงวันที่ 22 พ.ค. ในการแสดงความคิดเห็นเพื่อคัดค้านประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมาเตือนในทันทีว่า จีนกำลังเตรียมมาตรการตอบโต้ที่มีความรุนแรงเท่าเทียมกัน โดยสถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานว่า จีนจะกำหนดภาษีเพิ่มเติม 25% ต่อผลิตภัณฑ์ของสหรัฐ 106 รายการซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง, รถยนต์ และ สารเคมี ซึ่งจีนจะประกาศวันที่มีผลบังคับใช้ภาษีใหม่ในภายหลัง ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า สหรัฐได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่าในการแก้ปัญหาการค้า ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ประเด็นความขัดแย้งดังกล่าว อาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อ นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่าการประกาศสงครามการค้ากับจีนนั้น สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังเล่นเกมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง พร้อมกล่าวว่า เฟดให้ความสนใจกับปัจจัยต่างๆทางเศรษฐกิจ เช่นแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางของตลาดแรงงาน วายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,346-1,356 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้จะทำให้เกิดแรงขายออกมา ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงมานักลงทุนสามารถเข้าซื้อสะสม โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สามารถเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,330-1,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต้องเป็นการซื้อในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น พร้อมทั้งตั้งจุดตัดขาดทุนทันทีหากไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,330ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรหากราคามีการดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านไปได้ให้ชะลอไปปิดสถานะบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,356 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่ราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ทยอยซื้อตามบริเวณแนวรับ ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไปอีกมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,330 (19,600บาท) 1,321 (19,500บาท) 1,313 (19,350บาท)
แนวต้าน 1,346 (19,900บาท) 1,356 (20,050บาท) 1,367 (20,200บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,330 (19,740บาท) 1,321 (19,610บาท) 1,313 (19,490บาท)
แนวต้าน 1,346 (19,990บาท) 1,356 (20,140บาท) 1,367 (20,300บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999