กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
ผู้ประกอบการชาวเอเชีย 37 ราย จากโครงการอบรม eFounders ถ่ายภาพร่วมกับนาย แจ็คหม่า ประธานบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป
เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ / หางโจว ประเทศจีน – 5 เมษายน 2561 – ผู้ประกอบการชาวเอเชียรุ่นแรก รวมถึง 6 ผู้ประกอบการชาวไทย ได้สำเร็จการอบรมจากโครงการทุนฝึกอบรม eFounders อย่างเป็นทางการแล้ว ในพิธีปิดโครงการ ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) และโรงเรียนธุรกิจอาลีบาบา (Alibaba Business School) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้มีส่วนช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและปลดปล่อยศักยภาพของตนอย่างเต็มที่
การฝึกอบรมครั้งที่ 2 ที่เสร็จสิ้นลงแล้วนั้น ถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของอาลีบาบาในการก้าวสู่การบรรลุความตั้งใจของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง-ประธานบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษของ UNCTAD ด้านการพัฒนาธุรกิจโดยคนรุ่นใหม่และการบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็ก โดยอาลีบาบาจะสนับสนุนผู้ประกอบการจากประเทศกำลังพัฒนาจำนวน 1,000 ราย ภายใน 5 ปี เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
"ความกระตือรือร้นและความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าร่วมโครงการ รวมถึงหลักปฏิบัติที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่นในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของ UNCTAD เป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี" นางสาวอาร์เล็ตต์ แฟร์เพลอห์ ผู้ประสานงานโครงการ eFounders จาก UNCTAD
"เรื่องราวของอาลีบาบาที่สร้างแรงบันดาลใจและตัวอย่างจากประสบการณ์จริง จะทำให้คนรุ่นใหม่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอันจะเป็นประโยชน์กับชุมชนของเขา" นางสาวแฟร์เพลอห์ กล่าวเสริม
ตลอดระยะเวลา 11 วัน ผู้ประกอบการชาวเอเชียที่เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เยี่ยมชมสถานที่การดำเนินงานจริง และเข้าร่วมการบรรยาย เพื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจีนในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
นายไบรอัน หว่อง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของอาลีบาบา กรุ๊ป ผู้นำโครงการดังกล่าว ภายใต้สายงานโครงการระดับโลก (Global Initiatives) เผยว่า "เราต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วยแนวคิดใหม่ๆ และมอบแนวทางในการประสบความสำเร็จให้กับพวกเขา ผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติและทฤษฎี โดยผู้เชี่ยวชาญมากความสามารถจากอาลีบาบาและพาร์ทเนอร์ในเครือข่ายของเรา"
"ผมได้รับแรงบันดาลใจจากความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของพวกเขา การอภิปรายปัญหาและคำถามต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ดิจิทัลในประเทศจีนจะช่วยให้พวกเขาได้ไอเดียใหม่ๆ และเข้าถึงโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดและสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและประเทศของพวกเขา"
ผู้เข้าร่วมโครงการชาวไทย 6 ราย จากจำนวนผู้ประกอบการชาวเอเชียทั้งหมด 37 คน ที่สำเร็จหลักสูตรของโครงการ ได้แก่
- นายธนบดี ทองคำ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง 1×1 WALL เว็บไซต์ซื้อขายงานศิลปะ
- นางสาวพีรลดา สุขวัฒก์ ซีอีโอของ Karma X แพลตฟอร์มการขายสินค้าออนไลน์ สำหรับนักสร้างสรรค์
- นายจักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Tourkrub แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อมต่อนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ กับบริษัททัวร์ต่างๆ
- นายกฤษฎา ชุตินธร ผู้ร่วมก่อตั้ง Flow Account ผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบบัญชีออนไลน์แบบคลาวด์ (cloud accounting) สำหรับธุรกิจรายย่อย
- นายธนวัฒน์ สหะศักดิ์มนตรี ผู้ก่อตั้ง GNG Tech เจ้าของเว็บไซต์ Khonde.com แพลตฟอร์มโลจิสติกส์ที่เชื่อมผู้ให้บริการรถบรรทุกเข้ากับโรงงานและธุรกิจอื่นๆ รวมถึง Weshopchina แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ลูกค้าชาวไทยสามารถซื้อของจากเถาเป่าและทีมอลล์ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
- นายอมรเชษฐ์ จินดาอภิรักษ์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง TakeMeTour มาร์เก็ตเพลสโปรแกรมทัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนผู้ให้บริการกว่า 20,000 ราย ใน 55 เมือง
สร้างผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลแบบใหม่
ผู้เข้าร่วมโครงการได้ใช้อาลีบาบาเป็นตัวอย่างในการศึกษา รวมถึงได้เข้าร่วมการอภิปราย เยี่ยมชมสำนักงานและโรงเรียนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของอาลีบาบาที่ประกอบด้วยแพลตฟอร์มและโซลูชั่นส์ต่างๆ ได้แก่ เถาเป่า มาร์เก็ตเพลส (Taobao Marketplace) ทีมอลล์ (Tmall) อาลีบาบาดอทคอม (Alibaba.com) ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ก (Cainiao Network) เหอหม่า (Hema) และฟลิกกี้ (Fliggy) นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดในอุตสาหกรรมและผลงานการพัฒนาใหม่ๆ เช่น ค้าปลีกยุคใหม่ (New Retail) อีคอมเมิร์ซในชนบท และการเกิดขึ้นของผู้มีชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ต
ด้วยกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้มีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วม ทำให้ผู้ร่วมโครงการได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดของอาลีบาบา กรุ๊ป ในการสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศจีน และวิเคราะห์หาวิธีการประยุกต์ใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้กับตลาดในประเทศของตน
อีกประสบการณ์พิเศษที่โครงการสามารถมอบให้ คือ การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชาวเอเชียได้พบกับผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบาและผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จอย่างเพย์ทีเอ็ม (PayTM) ผู้ให้บริการการชำระเงินออนไลน์ทางโทรศัพท์ชั้นนำของประเทศอินเดีย และลาซาด้า (Lazada) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการยังมีโอกาสได้เยี่ยมชมนวัตกรรมล้ำยุคของอาลีบาบามากมาย ทั้ง เหอหม่า เฟรช (Hema Fresh) ซูเปอร์มาร์เก็ตอัจฉริยะอันเป็นต้นแบบที่สัมผัสได้ของแนวคิด "New Retail" ของอาลีบาบา (https://bit.ly/2w2FAiF) ศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะ ไช่เหนี่ยว เจียชิ่ง (Cainiao Jiaxing) และหมู่บ้านไป่หนิว (Bainiu) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "หมู่บ้านเถาเป่า" ด้วยการผสมผสานอีคอมเมิร์ซเข้ากับทุกจังหวะของวิถีชีวิต
ผู้ประกอบการทุกคนยังได้มีโอกาสสัมผัสกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยีในประเทศจีน ทั้งที่ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ ดรีมทาวน์ (Dream Town) ในเจ้อเจียง ซึ่งพร้อมแล้วที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นซิลิคอน วัลเลย์ของจีน และ อี้หวู ซิตี้ (Yiwu City) ศูนย์กลางสำคัญทางการค้าแห่งหนึ่งของจีน และหนึ่งในตลาดซื้อขายสินค้าระหว่างธุรกิจในรูปแบบออฟไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายแจ็ค หม่า ประธานบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป พูดคุยกับผู้เข้าร่วมโครงการ eFounders เกี่ยวกับความเป็นผู้ประกอบการและอื่นๆ
เครือข่ายผู้สำเร็จหลักสูตร พร้อมขับเคลื่อนชุมชนทั่วโลกสู่อนาคต
หลังจากที่เสร็จสิ้นกิจกรรมต่าง ๆ ในหลักสูตรสุดเข้มข้นเป็นเวลา 11 วันเต็มแล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้รับโจทย์ให้เผยถึงแผนงานในอนาคตเพื่อนำความรู้ที่ตนเองได้รับ ทั้งในด้านอีคอมเมิร์ซ การเงินและระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ บิ๊กดาต้า และธุรกิจท่องเที่ยว ไปแบ่งปันให้กับผู้ประกอบการและเพื่อนร่วมชุมชนในประเทศบ้านเกิด พร้อมต่อยอดแนวคิดธุรกิจของตนเองควบคู่กันไป
"การเข้าร่วมโครงการนี้ทำให้ได้รับไอเดียใหม่ๆ รวมถึงความรู้ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับวงการศิลปะและการออกแบบในประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวใจหลักในธุรกิจของเรา" นายธนบดี ทองคำ ผู้ก่อตั้ง 1×1 WALL กล่าวถึงความประทับใจที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ eFounders "การสร้างธุรกิจในระดับโลกนั้นต้องการมากกว่าโมเดลทางธุรกิจที่ดีเยี่ยม แต่เรายังต้องการทีมงานที่ดีซึ่งขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง พร้อมด้วยอีโคซิสเต็มที่สามารถสนับสนุน สร้างคุณค่า และช่วยในการตัดสินใจที่ยาก รวมทั้งการเรียนรู้จากความผิดพลาดในฐานะผู้ประกอบการณ์"
นางสาวพีรลดา สุขวัฒก์ ซีอีโอของ Karma X กล่าวว่า "การเข้าร่วมโครงการ eFounders ถือเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่เข้มข้นและจริงจังเกินความคาดหมาย นอกจากความรู้ที่ได้รับ ยังเป็นการเปิดโอกาสในการได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้บริหารอาลีบาบาและผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่จากทั่วเอเชีย"
นายจักรพันธ์ ลีอธิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Tourkrub กล่าวเสริมว่า "ผมได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากการเรียนรู้เส้นทางธุรกิจของอาลีบาบาตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งประสบความสำเร็จอย่างเช่นในทุกวันนี้ อาลีบาบาได้สร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจและสังคมจีนมากเกินกว่าสิ่งที่เราคาดหวังจากธุรกิจหนึ่งๆ และการให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาอย่างทั่วถึง เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการเติบโตของอาลีบาบาได้สร้างประโยชน์ต่อผู้คนมากมายในประเทศเช่นกัน"
ทั้งนี้ ผู้สำเร็จหลักสูตรทั้ง 37 คนจากประเทศไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ถือเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสมาชิกโครงการ eFounders โดยเป็นรุ่นที่สองต่อจากผู้สำเร็จหลักสูตรรุ่นแรกจำนวน 24 คนจากชาติต่าง ๆ ทั่วทวีปแอฟริกา
ต่อจากนี้ ทั้ง UNCTAD และอาลีบาบาจะทำงานร่วมกับกลุ่มผู้สำเร็จหลักสูตรในการนำความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ดังกล่าวไปปรับใช้ให้เกิดผล โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ทุก ๆ สามเดือน พร้อมให้การสนับสนุนในด้านการพัฒนาสภาพแวดล้อมเชิงเทคโนโลยีที่พร้อมผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเสมอภาคและยั่งยืนทั่วโลก
ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ eFounders ได้ที่ https://agi.alibaba.com/efounders-fellowship และ http://unctad.org/en/pages/newsdetails.aspx?OriginalVersionID=1615
เกี่ยวกับองค์การ UNCTAD
โครงการ eFounders เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือระหว่าง UNCTAD กับหลากหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสู่จุดหมายตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป
พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก เรามีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตสำหรับการประกอบธุรกิจ โดยจินตนาการถึงโลกที่ผู้คนต่างพบปะ ทำงาน และใช้ชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา และมีความมุ่งหวังที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปถึง 102 ปี