กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--อาร์เอส
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส หรือ RS เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ได้ซื้อหุ้น RS เพิ่มอีกคิดเป็นเงินร่วม 200,000,000 บาท เนื่องด้วยมั่นใจการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจสุขภาพและความงาม ซึ่งได้แรงส่งจากการบริหารสื่อในกลุ่มทั้งทีวี วิทยุ และออนไลน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีแต้มต่อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาด รวมถึงฐานข้อมูลลูกค้าที่เติบโตขึ้นทุกเดือนได้ถูกนำมาวิเคราะห์ต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขายสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะใช้กลยุทธ์โฆษณากระตุ้นการขายให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละช่องทาง และเพิ่มความเข้นข้นด้วยการพัฒนาบริการหลังการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันแนวโน้มธุรกิจสุขภาพและความงามจะสร้างยอดขายทุบสถิติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยทำมาร์จิ้นได้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด ปีนี้จึงตั้งเป้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายบนหน้าจอเพิ่มขึ้น เริ่มโฆษณาและวางจำหน่ายสินค้าประเภทของใช้ส่วนตัวและเครื่องใช้ภายในบ้าน (Home and Lifestyle Products) ตั้งแต่ต้นปี และได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด รวมทั้งพัฒนาทีมบริการหลังการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อเพิ่มต่อเนื่อง และจะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ บนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อทำรายได้ธุรกิจสุขภาพและความงามทะลุ 3,500 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจสื่อเติบโตสวนกระแสภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อที่ชะลอตัว โดยช่อง 8 สามารถปิดจองโฆษณาระยะยาวได้ตามเป้า และขายพื้นที่โฆษณาได้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์หลากหลายโดนใจผู้ชมดันเรตติ้งช่วงไพร์มไทม์ทั้งเช้าและเย็นติดอันดับ 1-2 ของประเทศ นำโดยกลุ่มซีรีส์อินเดีย ได้แก่ สีดาราม ศึกรักมหาลงกา และหนุมาน สงครามมหาเทพ ที่นำมาตัดต่อให้กระชับ พากย์เสียง พร้อมทำเพลงประกอบซีรีส์เพื่อให้เข้ากับรสนิยมคนไทยมากขึ้น นับเป็นการจุดกระแสสร้างปรากฏการณ์ครองแชมป์เรตติ้งผู้ชมซีรีส์อินเดียสูงสุดของประเทศ ทุบสถิติคว้าอันดับ 1แรงแซงโค้งชนะช่วงไพร์มไทม์ทุกช่องมาแล้ว ส่งผลให้วันนี้เป็นผู้นำตลาดซีรีส์อินเดียของประเทศไทยตัวจริง ตามด้วยกลุ่มรายการข่าวอย่างคุยข่าวเช้า และกลุ่มรายการกีฬา ที่มีทั้งมวยไทยและมวยสากลอย่าง UFC ทำให้ขณะนี้สามารถทำเรตติ้งได้ร่วม 500,000 รายต่อนาที และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 700,000 รายต่อนาทีภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ารายได้รวมปี 2561 ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ 5,800 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 65% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขพุ่งทะยานสูงสุดนับตั้งแต่เปิดบริษัท อันเป็นผลจากการดำเนินงานที่วางไว้ภายใต้แนวคิด "ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit)" รุกเปิดโอกาสตัวเองกับธุรกิจใหม่ๆ