GUNKUL ย้ำ! ไม่กระทบมาตรการรัฐเบรกซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 5 ปี ปี’61 พุ่งเป้า COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม-โซลาฟาร์มไม่ต่ำกว่า 180 เมกะวัตต์ หนุนรายได้โตต่ำกว่า 30%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 9, 2018 10:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 เม.ย.-- บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ยืนยันกรณีรัฐบาลกำหนดนโยบายงดซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่มเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่กระทบธุรกิจ เหตุขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศและมุ่งลงทุน Private PPA จาก Solar Rooftop ที่ตลาดภาคเอกชนมีความต้องการสูง "โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ " เผยปีนี้ตั้งเป้า COD โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งลมและโซลาฟาร์มไม่ต่ำกว่า 180 เมกะวัตต์ หนุนรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% คุณโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลกำหนดนโยบายการงดซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่มเป็นระยะเวลา 5 ปี บริษัทยันยันว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจาก 1. บริษัทมีแผนขยายการผลิตไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐในประเทศนั้น โดยได้ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าไปยังต่างประเทศ เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 200 เมกะวัตต์ , โครงการพลังแสงอาทิตย์ที่ประเทศมาเลเซีย ขนาด 30 เมกะวัตต์ ,โครงการประเภทเชื้อเพลิงแก๊สที่ประเทศพม่า ขนาด 25 เมกะวัตต์ และบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนเพิ่มเติมทั้งที่ประเทศมาเลเซีย พม่า และเวียดนามเนื่องจากเชื่อว่า ความต้องการและนโยบายภาครัฐของประเทศดังกล่าว ยังคงให้การสนับสนุนด้านพลังงานทดแทน อันเนื่องจากต้นทุนที่ถูกลงและมีความจำเป็นในการต้องขยายสัดส่วนความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้พลังงาน 2. บริษัทมุ่งลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าภาคเอกชนประเภทติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และแบบติดตั้งบนภาคพื้นดิน (Solar Ground) ภายในประเทศ เพื่อลดต้นทุนด้านภาคประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน โดยปีนี้บริษัท มุ่งเน้นลงทุนติดตั้งโรงไฟฟ้าบนหลังคา ให้กับภาคเอกชนแบบให้ส่วนลดและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบระยะยาว (Private PPA) ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวสำหรับ Solar Rooftop ภาคเอกชนในปีนี้ประมาณ 50 - 100 เมกะวัตต์ 3. บริษัทตั้งเป้าการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ในปีนี้ 180 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% และยังคงเป้าที่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ครบ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2563 "ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ใช้วิจารณญาณในการลงทุน โดยศึกษาข้อมูลของบริษัท ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้ที่เติบโตขึ้นของพลังงานทดแทนจาการขยายการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในปีนี้ จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น มีอัตราเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายตามที่กำหนด"คุณโศภชากล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ