กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--ททท.
เพื่อเป็นการส่งมอบความสุข ชุ่มชื่นฉ่ำใจ คลายร้อน ต้อนรับวันปีใหม่ไทยในเดือนเมษายนนี้ นอกจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะส่งเสริมการจัดงาน "เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ AmazingSongkran 2018" ตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อสืบสานประเพณี วัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยให้คงอยู่ต่อไปแล้ว กิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งในปีนี้ คือส่งเสริมให้เที่ยวจังหวัดเมืองรองในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช กำแพงเพชร กาฬสินธุ์ สิงห์บุรี และจังหวัดจันทบุรี ภายใต้แนวคิด "กลับบ้าน...แต่งไทย ไปเล่นสงกรานต์" สนับสนุน 5 จังหวัดเมืองรอง นำอัตลักษณ์ของวิถีไทยในแต่ละท้องถิ่น ส่งเสริมให้มีความโดดเด่น เสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน ให้เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยจัดงานแถลงข่าว ณ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่างานประเพณีสงกรานต์ในปีนี้ เป็นโอกาสที่ประชาชนคนไทย จะได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขกับครอบครัว และเข้าร่วมประเพณีรดน้ำดำหัว ขอพรจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนการจัดงานในหลายจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค สำหรับปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่จัดงานในจังหวัดเมืองรองอีก 5 จังหวัด เพิ่มเติมจากเดิม 13 พื้นที่หลัก
สำหรับงานประเพณีสงกรานต์จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้ชื่องานว่า "สงกรานต์ดีโน่สินธุ์ ถิ่นน่ารัก" บนแนวคิดสงกรานต์รักสิ่งแวดล้อม น้ำมีวันหมด ใช้ทุกหยด อย่างรู้คุณค่า-ซิด แทนสาด" จุดเด่นของงาน คือขบวนแห่พระพุทธสัมฤทธิ์นิโรคันตราย หรือหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ขบวนแห่สงกรานต์วัฒนธรรมของชุมชน 9 คุ้มวัด และอีกหนึ่งไฮไลต์ คือ ขบวนแห่ Happy Carnival ประกอบด้วย พาเหรดไดโนเสาร์กว่า 20 ตัว และเพิ่มสีสันด้วยพาเหรดสาวแพรววา จีจี้ ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปของจังหวัด และกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์กับหุ่นไดโนเสาร์พ่นน้ำ
ส่วนจังหวัดกำแพงเพชร จัดงานตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ไปจนถึงวันที่17 เม.ย. บริเวณถนนริมแม่น้ำปิงเชื่อมโยงถึงเกาะกลางแม่น้ำ โดยจัดซุ้มอุโมงค์น้ำมนต์จาก 9 วัด รวบรวมน้ำมนต์จากพระเกจิชื่อดังทางภาคเหนือ มารวมอยู่ที่ซุ้มอุโมงค์ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร เพื่อเสริมสร้างความเป็นศิริมงคลให้กับผู้มาร่วมงาน เชิญชมความงดงามของพวงมโหตรที่ใช้ในการตกแต่งสะพานข้ามสู่เกาะกลาง
ด้านจังหวัดจันทบุรี ได้เลือกสิ่งที่ดีงามที่มีดั้งเดิมในชุมชน มาส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 13 - 17 เมษายนนี้ ปีนี้ใช้ชื่องานว่า "มหาสงกรานต์ตะปอน ตำนานแห่เกวียนผ้าพระบาท จันทบุรี" จัดขึ้นบริเวณ วัดตะปอนน้อย วัดตะปอนใหญ่ และวัดเกวียนหัก อำเภอขลุง มีขบวนแห่เกวียนผ้าพระบาท ซึ่งเป็นประเพณีความเชื่อ และสะท้อนความเป็นอยู่ของคนในอดีต และการก่อเจดีย์ทราย 2561 กอง
จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำความตระการตาของพิธีแห่นางดาน ส่วนสำคัญของพิธีโล้ชิงช้า ที่มีมายาวนานกว่า 1,800 ปี ในขบวนนี้ก็จะมีความงดงามของการรำเสนง (รำ สะ เหนง) ช่วงท้ายของการรำจะนำเขาสัตว์ไปตักน้ำศักดิ์สิทธิ์มาพรมสาดใส่ผู้เข้าชมงาน เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน
โดยมีความเชื่อว่าในวันปีใหม่ไทยนั้น พระอิศวรจะเสด็จลงจากสวรรค์เพื่อที่จะมาดูแลประชาชน อำนวยอวยพรต่างๆ จึงมีพิธีการต้อนรับโดยมีเทพเจ้าองค์รอง 3 พระองค์คือ พระจันทร์พระอาทิตย์ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี ซึ่งจะจารึกอยู่ในกระดาน 3 แผ่น มีความกว้าง 1 ศอกสูง 4 ศอกมาร่วมต้อนรับ นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังได้จัดโซนบริเวณถนนประตูรอดเพื่อให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์โดยยึดนโยบายของจังหวัด ให้ดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อมขยะรวมถึงด้านความปลอดภัย ผู้ที่สนใจร่วมเที่ยวเทศกาลมหาสงกรานต์ แห่นางดานเมืองนครศรีธรรมราช ได้ตั้งแต่วันที่ 11-15 เม.ย.
ทางด้านสงกรานต์ที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นจังหวัดท้ายสุดของ 5 เมืองรอง ที่ทาง ททท.ได้ส่งเสริมเพิ่มเติมในปีนี้นั้น จัดงานชื่อว่า "นุ่งโจง ห่มสไบ เล่นน้ำแบบไทยๆ ณ สิงห์บุรี" จัดที่บริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น อำเภอค่ายบางระจัน ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.ถึง 15 เม.ย. เล่นน้ำแบบไทยโดยใช้กะลา นอกจากจะร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามแล้ว ยังหวังที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ชุมชนชวนกันแต่งกายด้วยชุดบ้านบางระจัน พร้อมๆ ไปกับการใช้ภาษาพูด และกิจกรรมในรูปแบบประเพณีโบราณ นอกจากนี้ยังจัดขบวนแห่หลวงพ่อโตโคตะมะและหลวงปู่ธรรมโชติ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม ได้ร่วมพิธีตักน้ำและปลุกเสกน้ำทิพย์ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบางระจันเคารพนับถือ และยังมีการแสดง แสง เสียง ชุด "น้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน สู่มหาสงกรานต์บ้านระจัน" อีกด้วย
นอกจาก พื้นที่เมืองรอง ทั้ง 5 แห่ง ททท.ยังได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมสงกรานต์วิถีไทยในเขตกรุงเทพ และ13 พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกเที่ยวชม ตามความชื่นชอบ ด้วยสโลแกนเชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงาม โดยการ "กลับบ้าน แต่งไทยไปเล่นสงกรานต์" ด้วยชุดไทยตามท้องถิ่น