กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถานการณ์อุทกภัย ขณะมีพื้นที่ประสบภัย 11 จังหวัด
พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,620,702 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 1,941,383 คน 510,265 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหาย 433,254,229 บาท เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักมีระดับสูง ทำให้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำสายหลัก
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า พายุใต้ฝุ่นเลกีมา ที่เคลื่อนตัวผ่าน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศไทย และหย่อมความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน
ทำให้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 32 จังหวัด ใน 227 อำเภอ 1,308 ตำบล 10,112 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 17 คน ราษฎรเดือดร้อน 1,941,383 คน 510,265 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 4,313 หลัง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 1,620,702 ไร่ ถนน 4,427 สาย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 433,254,229 บาท เบื้องต้น กรม ปภ. ได้สำรวจไปยังจังหวัดต่างๆ พบว่า สถานการณ์อุทกภัยได้คลี่คลายแล้ว 23 จังหวัด แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังอีก 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก อุทัยธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักของจังหวัดต่างๆ ยังคงมีระดับสูง ทำให้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งหากไม่มีฝนตกในพื้นที่ดังกล่าว คาดว่าประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อีก 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีใน 19 อำเภอ 86 ตำบล 567 หมู่บ้าน ขณะนี้สถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
สำหรับการให้ความช่วยเหลือ กรม ปภ. ได้สั่งการไปยัง ศูนย์ปภ.เขตและสนง.ปภ.จังหวัด รวมทั้งประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาด เครื่องอุปโภคบริโภค และถุงยังชีพ อาหารกล่องและยารักษาโรค แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย รวมทั้งสนับสนุน เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องสูบน้ำ รถแบ็คโฮ รถติดตั้งปั่นจัน รถผลิตน้ำดื่ม รถยูนิม็อก รถบรรทุกขนาดเล็ก รถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบน เรือพลาสติก พร้อมด้วยเต็นท์ยกพื้น เพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราว รวมทั้งสนับสนุนเจ้าหน้าที่และสมาชิก อปพร. เพื่อเข้าอพยพและช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ ตลอดจนนำกระสอบทรายไปเสริมเป็นแนวคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่งและน้ำทะลักไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชน อีกทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ กรม ปภ. ยังได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประจำปี 2550 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยให้จังหวัดยึดแนวทางตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน พ.ศ.2546
กรณีผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เงินทดรองราชการจำนวน 50 ล้านบาทหมดแล้ว แต่มีความจำเป็นเร่งด่วน ให้เสนอขอขยายวงเงินทดรองราชการมายัง
กรม ปภ. หากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรง กรม ปภ.จะดำเนินการขอยกเว้นการปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง เพื่อให้
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหา สุดท้ายนี้หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานและให้การช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป