กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
- เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล Virtual Edge Platform อุปกรณ์ในฝั่งลูกค้า (Customer Premise Equipment) ที่สร้างมาโดยเฉพาะ พร้อมรองรับอนาคตสำหรับ virtual networking และสภาพแวดล้อมระบบที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined environments)
- รายแรกในตลาดที่มาพร้อมโซลูชัน SD-WAN ใช้โพรเซสเซอร์ Intel(R)Xeon(R) D-2100 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว
- โซลูชันที่ได้รับการทดสอบ และรับรองด้วยซอฟต์แวร์จาก Silver Peak, VeloCloud และ Versa ช่วยเร่งการนำมาปรับใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เดลล์ อีเอ็มซี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล เวอร์ชวล เอดจ์ แพลตฟอร์ม (Virtual Edge Platform หรือ VEP) โซลูชัน SD-WAN (software-defined wide area network) รายแรกในตลาดที่มาพร้อมโพรเซสเซอร์ Intel(R) Xeon(R) D-2100 ใหม่ ช่วยให้ปฏิรูปสู่ดิจิทัลได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมโยงอุปกรณ์ปลายทาง (edge) ขององค์กรสู่คลาวด์ผ่านอุปกรณ์ universal Customer Premise Equipment (uCPE) ) โดยโซลูชันแบบเวอร์ชวลใหม่นี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพหรือสามารถทดแทนการใช้ฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่เพื่อการแอกเซสโดยเฉพาะและมีราคาแพง
สำหรับกรณีการใช้งานชั้นนำ ผลิตภัณฑ์ Dell EMC VEP ให้การแอกเซสเครือข่ายที่ล้ำหน้าแบบเน็กซ์เจนผ่านทาง SD-WAN ด้วยการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของเครือข่าย WAN และในเชิงเศรษฐกิจ โดยทั้งผู้ให้บริการและลูกค้าองค์กรสามารถขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขันและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ปลายทาง"ผู้ให้บริการและองค์กรธุรกิจต่างมีความต้องการอย่างแท้จริงที่จะปรับปรุงการดำเนินงานของเครือข่ายเพื่อจัดการกับแอปพลิเคชันที่อยู่บนคลาวด์และมีการใช้งานแบบกระจายศูนย์(distributed) และช่วยให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลคลาวด์" ทอม เบิร์นส์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายโซลูชันเพื่อผู้ให้บริการและการเชื่อมต่อเครือข่าย กล่าว "การผสานระบบเชื่อมต่อเครือข่ายแบบเปิด (Open Networking) ไว้ในเครือข่ายเพื่อการแอกเซสไปยังคลาวด์ด้วยผลิตภัณฑ์ตระกูล Virtual Edge Platform ทำให้เดลล์ อีเอ็มซีสามารถช่วยลูกค้าปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย และปฏิรูปการดำเนินงาน ในขณะที่ช่วยปรับกระบวนการและการให้บริการไปสู่ระบบอัตโนมัติ"
ในการควบคุมค่าใช้จ่าย ลดความซับซ้อนและเพิ่มศักยภาพในการขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับการเติบโต ทั้งผู้ให้บริการและองค์กร ต่างปรับปรุงระบบโครงสร้างให้ทันสมัย ไม่ใช่แต่เฉพาะในศูนย์ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปลายทางที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย (network edge) รวมถึงสำนักงานสาขาต่างๆ ทั้งนี้การใช้สถาปัตยกรรมที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อเครือข่ายในระบบเปิด (Open Networking) และเวอร์ชวลไลเซชัน เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงเครือข่าย ช่วยให้องค์กรสามารถเร่งไปสู่เป้าหมายในการปฏิรูปดิจิทัลเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ให้ความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Dell EMC VEP4600 – นำ Open Networking มาสู่ Enterprise Edge
Dell EMC VEP4600 สร้างขึ้นด้วยระบบอัจฉริยะขั้นสูงสำหรับระบบเครือข่ายเสมือน (network virtualization) และสถาปัตยกรรมที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined architecture) Dell EMC VEP4600 มอบแพลตฟอร์มบนสถาปัตยกรรมแบบเปิดของอินเทล(R) เพื่อรองรับฟังก์ชันเครือข่ายเสมือน (virtual network functions หรือ VNF) ต่างๆ พร้อมกัน นอกจากนี้ ยังสามารถควบรวมอุปกรณ์ทางกายภาพจำนวนมากที่มีอยู่เข้ากับ uCPE ได้ ในขณะที่ยังคงรักษาสมรรถนะการทำงานในระดับสูงซึ่งจำเป็นสำหรับการโฮสต์อุปกรณ์จำนวนมาก ทั้งนี้ การออกแบบการทำงานในลักษณะโมดูลาร์ (modular design) ยังรวมถึงการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการขยายการเติบโตไปพร้อม front panel เพื่อที่จะสามารถอัพเกรดแพลตฟอร์มหรือให้บริการได้ตามต้องการ
ทั้งนี้ VEP 4600 ได้รับขุมพลังในการขับเคลื่อนจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล Intel Xeon D-2100 ตลอดจน Intel(R) QuickAssist Technology (Intel(R) QAT) และ Data Plane Development Kit (DPDK) ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ช่วยให้ใช้ทรัพยากรในการประมวลผลได้อย่างเหมาะสม และให้ประสิทธิภาพเพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้นในส่วนระบบรักษาความปลอดภัย
ทั้งสมรรถนะ ขุมพลัง และรูปแบบของผลิตภัณฑ์ตระกูล Intel Xeon D-2100 ล้วนได้รับการปรับแต่งมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์ที่สูงยิ่งขึ้น สำหรับ SD-WAN และ uCPE โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ที่เร็วขึ้นมากกว่า 1.5 เท่า ปรับปรุงเรื่องการประมวลผลภายในแพ็คเก็ตให้ดีขึ้นถึง 2 เท่า เพิ่มแบนด์วิดธ์หน่วยความจำขึ้น 2 เท่า พร้อมความสามารถหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยโพรเซสเซอร์เหล่านี้ช่วยให้สามารถประมวลผลแพ็คเก็ตที่ซับซ้อนได้ รวมถึงรองรับปริมาณเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้นพร้อมให้การตอบสนองที่ดีขึ้นและให้ค่าหน่วงเวลาต่ำ (low latency)
Dell EMC VEP4600 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานขยายครอบคลุมไปถึงความริเริ่มด้าน โอเพ่น เน็ตเวิร์กกิ้ง ของเดลล์ อีเอ็มซี ที่เสนอทางเลือกและความสามารถในการปกป้องการลงทุนให้กับลูกค้า ทั้งนี้แพลตฟอร์ม Dell EMC VEP มอบประสิทธิภาพ ความสามารถในการโปรแกรม ความรวดเร็วในการส่งมอบบริการ ที่ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนข้อกำหนดด้านการบริการใหม่ๆ เช่น การทำรูทติ้ง (routing) การสร้างไฟร์วอลล์ และการตรวจสอบทราฟฟิกโดยละเอียด (deep-packet inspection) โดยที่ลูกค้า และ/หรือเดลล์ อีเอ็มซีสามารถเพิ่มฟังก์ชันเวอร์ชวลเน็ตเวิร์ก (VNFs) ไว้ใน VEP ได้ในอนาคตหากจำเป็น
สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่และองค์กรธุรกิจที่มีออฟฟิศตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ เดลล์ อีเอ็มซีสามารถช่วยให้กระบวนการจัดซื้อ และการปรับใช้งานดำเนินไปโดยราบรื่น ผ่านการผลิตและการจัดการด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการให้บริการระดับโลกด้วยจุดรวมศูนย์การติดต่อและดูแลจากเพียงจุดเดียว (single point of contact)
เร่งการนำ SD-WAN ไปใช้กับโซลูชันที่ผ่านการตรวจสอบอย่างสมบรูณ์
เพื่อช่วยผู้ให้บริการ (service providers) เร่งความเร็วในการทำตลาด และช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำระบบมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย เดลล์ อีเอ็มซีเสนอ โซลูชันที่ผ่านการตรวจสอบมาอย่างสมบูรณ์ 3 ระบบ ที่ใช้ VEP4600 โดยโซลูชันเหล่านี้ให้ความสามารถของ SD-WAN อย่างครบวงจร (turnkey) ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าเพื่อการทำงานร่วมกันมาล่วงหน้า และผ่านการตรวจสอบความสมบูรณ์ในการทำงานมาล่วงหน้า โดยผสานรวมระบบโครงสร้างพื้นฐานของเดลล์ อีเอ็มซี และบริการสนับสนุนต่างๆ ด้วยซอฟต์แวร์ SD-WAN ชั้นนำของอุตสาหกรรมจาก ซิลเวอร์ พีค (Silver Peak), เวโลคลาวด์ เน็ตเวิร์กส์ (Velo Cloud Networks) และเวอร์ซา เน็ตเวิร์ก (Versa Networks) ทั้งหมดได้รับการปรับแต่งสถาปัตยกรรมและทดสอบให้ได้ตามมาตรฐานของเดลล์ อีเอ็มซี ซึ่งการนำเสนอนี้ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานโซลูชัน SD-WAN หรือจัดการบริการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
"จากการที่ทราฟฟิกของเครือข่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การส่งมอบบริการที่ดีที่สุดนั้นจะต้องตอบสนองความต้องการด้านยูสเคสต่างๆ ที่ปลายทางเครือข่าย (network edge)ได้อย่างครอบคลุม" ซานดร้า ริเวร่า รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเน็ตเวิร์ก แพลตฟอร์ม อินเทล กล่าว "โพรเซสเซอร์ที่รวบรวมองค์ประกอบต่างๆ ของระบบอยู่ในชิพเดียว (system-on-a-chip processor) ซึ่งให้ขุมพลังและสามารถโปรแกรมได้ นับเป็นสิ่งจำเป็นในการมอบประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการใช้แอปพลิเคชันที่ปลายทางเครือข่าย (edge applications) การใช้ Intel(R) Xeon(R) D-2100 system-on-a-chip ในเดลล์ อีเอ็มซี Virtual Edge Platform จะให้โซลูชันระบบเครือข่ายปลายทางที่ยืดหยุ่น และประหยัดพลังงานพร้อมระบบประมวลผลประสิทธิสูงที่ให้ความชาญฉลาด"
"จากการวิจัย เราเห็นลูกค้าองค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซจำนวนมากกำลังมองว่าการแยกเครือข่ายออกจากกันคือวิธีการสร้างเครือข่ายที่ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น คล้ายกับเรื่องของการประมวลผลที่เมนเฟรมและเซิร์ฟเวอร์บนระบบยูนิกซ์ถูกแทนที่ด้วยระบบ x86" แบรด เคสมอร์ รองประธานบริหาร ไอดีซี รีเสิร์ช ด้านดาต้าเซ็นเตอร์ เน็ตเวิร์ก กล่าว "โซลูชัน CPE (uCPE) สำหรับสภาพแวดล้อม SDN-WAN ช่วยให้เดลล์ อีเอ็มซีขยายสายผลิตภัณฑ์โอเพ่น เน็ตเวิร์กกิ้ง ไปสู่ระบบปลายทางขององค์กรเพื่อรองรับการเติบโตของแอปฟลิเคชันบนคลาวด์ที่ต้องอาศัยศักยภาพในการขยายระบบ และให้ค่าหน่วงเวลาที่ต่ำลง"
ความพร้อมในการวางตลาด:
Dell EMC VEP4600 พร้อมจัดส่งทั่วโลกในวันที่ 24 เมษายน 2561
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
- ทอม เบิร์นส์ รองประธานบริหารอาวุโส เดลล์ อีเอ็มซี เน็ทเวิร์กกิ้ง แอนด์ เซอร์วิส โพรไวเดอร์ โซลูชันส์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านการการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของเซอร์วิส โพรไวเดอร์ (service provider traansformation)
- เวบเพจ Dell EMC Networking Virtual Edge Platform
- เวบเพจ Dell EMC Networking
- ติดต่อเดลล์ อีเอ็มซี ผ่าน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn และ ECN.