กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 17 เมษายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว มีหลักการและเหตุผลที่มีการปรับบทบัญญัติบางประการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทนิยาม พื้นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ องค์ประกอบ การดำรงตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการ การบัญชีของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การจัดตั้งกองทุนบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม รวมถึงการแก้ไขการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษสำหรับความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และกำหนดเพิ่มเติมความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษาและการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ เพื่อให้การดำเนินกิจการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยร่าง พ.ร.บ. สลากฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. เพิ่มเติมบทนิยาม โดยเพิ่มเติมนิยามของกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาล และสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
2. เพิ่มเติมพื้นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ โดยเพิ่มจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ (เนื่องจากปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี)
3. เพิ่มเติมองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และการประชุมของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งการแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยเป็นการปรับให้องค์ประกอบกรรมการมีความเหมาะสมและเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 ซึ่งบังคับใช้กับทุกรัฐวิสาหกิจ
4. เพิ่มเติมการจัดสรรเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และการจัดการเงินดังกล่าว รวมทั้งดอกผลที่เกิดขึ้นสัดส่วนการจัดสรรรายได้ โดยกำหนดให้จัดสรรเงินรายได้ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล (คงเดิม) ร้อยละ 22 เป็นรายได้แผ่นดิน (เดิมร้อยละ 28) ร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลาก (เดิมร้อยละ 12) และร้อยละ 1 เป็นเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม (เดิมไม่มี)
ทั้งนี้ รวมถึงการเพิ่มเติมการจัดสรรเงิน กรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลประเภทเงินรางวัลสมทบซึ่งสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของตลาด (มาตรา 26(2)) โดยกำหนดว่า ในกรณีสลากกินแบ่งประเภทมีเงินรางวัลสมทบ ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลนำงวดใด ให้นำเงินที่จัดสรรไว้เพื่อจ่ายเงินรางวัลนั้นไปสมทบไว้เพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลแก่ผู้มีสิทธิเรียกร้องรางวัลเดียวกันในงวดถัด ๆไป แต่หากมีผู้สิทธิเรียกร้องเงินรางวัลแต่ผู้นั้นไม่มาขอรับเงินรางวัลภายในกำหนดอายุความ 2 ปี แล้ว ให้นำเงินรางวัลที่ไม่มีผู้ขอรับนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
5. กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยกองทุนนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยปัญหาเกี่ยวกับการพนัน สาเหตุ และผลกระทบจากการพนัน รวมทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพนัน เพื่อการเผยแพร่ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนัน เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการพนัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก การจำหน่ายสลากเกินราคา และเพื่อให้ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและการบริหารจัดการกองทุน โดยคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดวงเงินกองทุนดังกล่าวไว้ที่จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี
6. เพิ่มเติมบทกำหนดโทษสำหรับความผิดในกรณีการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ที่กำหนดในสลากกินแบ่งโดยเพิ่มโทษผู้จำหน่ายสลากเกินราคา จากเดิมปรับไม่เกิน 2,000 บาท เป็น โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกำหนดเพิ่มเติมความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษา และการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ โดยระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นางสาวกุลยาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จะทำให้การบริหารจัดการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นไปด้วยความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย หารายได้เข้ารัฐ และช่วยเหลือสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น