กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เมื่อเอ่ยถึงนักวิชาการหนุ่มไฟแรงด้านบริหารธุรกิจและการตลาดในยุคนี้ ชื่อของ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล แห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มักจะโดดเด่นขึ้นมาเสมอ ในฐานะนักวิชาการที่สำเร็จการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล และเคมบริดจ์ และผลงานการสร้างแบรนด์ชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนความสามารถด้านการถ่ายทอดความรู้ที่ง่ายและสนุก จึงทำให้รายการของอาจารย์ทั้ง online และ offline ได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากนักธุรกิจยุคดิจิทัล ล่าสุดกับความภาคภูมิใจในการเข้ารับพระราชทานรางวัลเทพทอง ประเภทบุคคลดีเด่นด้านวิทยุ จากรายการ Innovative Wisdom ออกอากาศทางสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 101.5 MHz ซึ่งเป็นรายการวิทยุเพื่อการบริหารธุรกิจโดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ
ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอาจารย์ที่มีหลายบทบาทให้ต้องรับผิดชอบในเวลาเดียวกัน แต่ทุกบทบาทที่ทำนั้นบทสรุปสุดท้ายคือ "ความเป็นครู" ผู้ที่ต้องการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้แก่ลูกศิษย์หรือบุคคลทั่วไป "อาชีพครูเป็นอาชีพที่ภาคภูมิใจ ตั้งแต่เล็กไม่เคยคิดอยากจะทำอาชีพอื่นเลย เพราะเชื่อว่าครูที่ดีหนึ่งคน จะสามารถสร้างคนที่เก่งและดีได้เยอะมาก แต่ถ้าเป็นเพียงคนที่เก่งมาก จะสร้างประโยชน์แก่องค์กรที่ตนอยู่ได้เพียงองค์กรเดียวเท่านั้น"
"ต้องขอบคุณคุณครูสมัยชั้นประถม มัธยม ที่อบรมสั่งสอน ทุกท่านเป็นครูที่ดีมาก จึงทำให้ผมชื่นชมในตัวครู และอยากจะเป็นครู ปัจจุบันผมเป็นครูมาแล้ว 13-14 ปี ผมเริ่มต้นอาชีพครูเร็วมาก เพราะผมชอบที่จะสอนคนอื่นๆ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ในอดีตก่อนการสอบ เพื่อนๆ จะมารวมตัวกันเพื่อให้ผมเป็นคนติวหนังสือให้ ซึ่งสอนติวกันจริงจังมาก เมื่อเรียนจบ ปริญญาตรีจากภาควิชาการตลาด คณะบัญชีฯ จุฬาฯ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ศ.ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ ปรมาจารย์การตลาดไทยท่านเห็นแววจึงชักชวนให้มาสมัครเป็นครูจึงเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นอาจารย์เอกก์ของนิสิตในทุกวันนี้" ดร. เอกก์ กล่าว
อาจารย์ยังเล่าต่อว่าเป็นครูได้ประมาณปีกว่า ได้รับทุนจุฬาฯ 100 ปี ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านการตลาดบริการที่ มหาวิทยาลัยคอร์เนล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกในสาขานี้ หลังสำเร็จการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งของหลักสูตร จึงกลับมาสอนหนังสือต่ออีก 2 ปี แล้วได้รับทุนอีกครั้งให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ "การเรียนการสอนของที่นั่นจัดว่าโหดมาก เราต้องเริ่มต้นเรียนปริญญาโทใหม่อีกครั้ง เขาต้องการจะสอบดูคะแนน หากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์จะไม่ให้เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาเอก เท่ากับรวมระยะเวลาเรียนที่อังกฤษนี้จนจบปริญญาเอก 4 ปีกว่า" ซึ่งในระหว่างที่เรียนอยู่ก็ยังสอนหนังสือด้วยเช่นเดียวกัน โดยทุกปิดเทอมจะบินกลับมาสอนที่จุฬาฯ หรือแม้แต่ในขณะที่เรียนอยู่ที่นั่น ก็สอนวิชาการตลาดให้แก่นักศึกษาคณะวิศวะฯ ของเคมบริดจ์ รวมถึงยังได้รับโอกาสให้เป็นนักวิชาการอาคันตุกะ (Visiting Scholar) ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อีกด้วย "การได้สอนเด็กนานาชาติที่เก่งมากยิ่งเป็นโอกาสที่ได้สั่งสมประสบการณ์ความรู้ด้านการตลาดบริการทั้งฝั่งอเมริกาและอังกฤษ เพราะการจะเป็นครูที่ดี สามารถสอนคนอื่นได้ ตัวเองจะต้องตกผลึกมาหมดแล้ว"
ปัจจุบันในทุกบทบาทไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืนให้แก่องค์กรชั้นนำ นักจัดรายการวิทยุ นักเขียน ทุกอย่างที่ทำล้วนมีรางวัลเป็นเครื่องการันตีแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าในฐานะนักวิชาการ เคยได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นเรื่องแบรนด์องค์กรจากสภาวิจัยแห่งชาติ และบทความวิจัยระดับชาติจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นอกจากนั้นผลงานวิจัยของอาจารย์ยังได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านจิตวิทยาอันดับ 1 ของโลกอย่าง Psychological Science ด้วย
ในฐานะนักจัดรายการวิทยุ ล่าสุดอาจารย์ได้รับพระราชทานรางวัลเทพทอง ประเภทบุคคลดีเด่นด้านวิทยุ สำหรับด้านการเขียนหนังสือ "อัจฉริยะการตลาด" ที่มียอดขายเบสเซลเลอร์เป็นอันดับหนึ่งนานกว่า 170 สัปดาห์ในศูนย์หนังสือจุฬาฯ นอกจากนั้นในเวอร์ชั่นภาคภาษาอังกฤษ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสืออัญมณีแห่งจุฬาฯ ในโอกาสจุฬาครบรอบ 100 ปี หนังสือของอาจารย์เอกก์นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือวิชาการที่อ่านง่าย และสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะนำความรู้ที่มีมาถ่ายทอด ดร. เอกก์ จึงยังคงทำหน้าที่ครูที่ดีด้วยการเสาะหาความรู้ใหม่ๆ ทางการตลาดมาสอนหนังสือ และยังบอกอีกว่าการเป็นครูที่ดีจะต้องให้ความสำคัญใน 2 เรื่องว่า "ครูที่ดีจะต้องมีระบบความคิดที่ดี จะต้องเป็นผู้ให้ ไม่หวงวิชา แม้ว่าจะเป็นครูที่ไม่เก่ง แต่มีใจที่อยากจะให้ อาจเป็นครูที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันครูที่ดีนั้น จะต้องฟังเป็น เขียนเป็น และถ่ายทอดเป็น" และการเป็นที่ปรึกษาแบรนด์ และการตลาดในองค์กรชั้นนำระดับชาติมากมายทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย แอร์เอเชีย เอสซีจี และ เอ็มบีเค กรุ๊ป เป็นฐานความรู้ที่ยอดเยี่ยมที่อาจารย์สามารถนำความรู้ทันสมัยในยุคดิจิทัลมาสอนนิสิตได้อย่างโดดเด่น
น่ายินดีที่แวดวงการศึกษาบริหารธุรกิจมีดาวดวงเด่นที่ฉายแสงทั้งเวทีโลก และเวทีระดับชาติ และมีความเป็นครูอย่าง เต็มเปี่ยม สมกับการเป็นครูยุค 4.0