กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 19 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,347.70-1,354.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,900 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 20,070 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 90 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,980 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.39 น. ของวันที่ 19/04/61)
แนวโน้มวันที่ 20 เมษายน 2561
การประชุมของนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ก่อนการประชุมสุดยอดกับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อวางพื้นฐานการประชุมสุดยอดที่ปธน.ทรัมป์หวังว่าจะโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือล้มเลิกการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือเป็นไปในทางที่ดีขึ้น จนสถานการณ์ความตึงเครียดผ่อนคลายลง ลดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาสถานการณ์ดังกล่าวเพราะยังคงมีความไม่แน่นอนในระดับสูง เมื่อ ปธน.ทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า การรณรงค์ของเขาเพื่อสร้าง"แรงกดดันสูงสุด"ต่อเกาหลีเหนือจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าเกาหลีเหนือจะยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ อาจจะถอนตัวจากการประชุมร่วมกันกับผู้นำเกาหลีเหนือ ถ้าเขาคิดว่าไม่เกิดผลใดๆ ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจาก รายงาน Beige Book ซึ่งเป็นสรุปภาวะทางธุรกิจใน 12 เขตภูมิภาคของเฟด เฟดระบุวา แนวโน้มโดยรวมในบรรดาธุรกิจ "ยังคงอยู่ในเชิงบวก" แต่หลายคนมีความวิตกเกี่ยวกับภาษีของคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ จากความเสี่ยงกรณีสงครามการค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ต่างจากภาวะปกติ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อย่างไรก็ตามราคาทองคำถูกกดดันอีกครั้ง เมื่อความต้องการใช้ทองคำในตลาดปัจจุบันอาจลดลง หลังกระทรวงการคลังศรีลังกากำหนดภาษี 15% ต่อทองคำนำเข้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2561 เพื่อป้องกันการลักลอบขนทองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมกังวลว่าจะกระทบในแง่ลบกับอุตสาหกรรมเครื่องประดับของประเทศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 257.2 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 และส่งผลลบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งจะไม่สามารถแข่งขันในตลาดระหว่างประเทศได้ เบื้องต้นประเมินว่า หากราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นอีกครั้งบริเวณแนวต้าน 1,356-1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ ก็จะเกิดแรงขายออกมาเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,356-1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจคล้ายกลับช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,343-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,323 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,343 (19,800บาท) 1,333 (19,650บาท) 1,323 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,356 (20,050บาท) 1,366 (20,200บาท) 1,375 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,343 (19,950บาท) 1,333 (19,800บาท) 1,323 (19,650บาท)
แนวต้าน 1,356 (20,150บาท) 1,366 (20,290บาท) 1,375 (20,430บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999