กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนาคารเกียรตินาคิน
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) แบ่งเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ดำเนินงานโดยธนาคารเกียรตินาคิน และธุรกิจตลาดทุนดำเนินงานโดย ทุนภัทร บล.ภัทร และ บลจ.ภัทร โดยในปี 2561 นี้ มุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าเชิงรุก ตลอดจนเพิ่มช่องทางการให้บริการไม่ว่าออฟไลน์หรือออนไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้าในผลิตภัณฑ์สินเชื่อและเงินฝาก อีกทั้งต่อยอดการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (cross-selling) ภายในกลุ่มธุรกิจฯ ตลอดจนพัฒนาช่องทางการลงทุนในต่างประเทศให้หลากหลาย อำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารับคำแนะนำในการลงทุนและทำรายการได้ใกล้ชิดกว่าบริการ Private Bank ต่างประเทศ สำหรับสินเชื่อรวมตั้งเป้าการเติบโตที่ราว 10% ส่วนนโยบายทางด้านสาขานั้น เนื่องจากการทำธุรกรรมสาขาอาจมีไม่มากเท่าเดิม อันเป็นผลมาจากพัฒนาการในทางเทคโนโลยีในอนาคต สาขาบางส่วนของธนาคารจึงจะถูกยกระดับให้เป็น Financial Hub ที่ให้บริการด้านตลาดทุนควบคู่ธุรกิจธนาคาร ในขณะที่บริการอื่นๆ จะพัฒนาเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ สอดคล้องกับพัฒนาการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2560 หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2560 กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.7 ทางด้านรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากไตรมาส 1/2560 โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 ตามปริมาณการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 มีจำนวน 273,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากสิ้นปี 2560
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 15.96 โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 12.87 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 1/2561 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับร้อยละ 18.05 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 14.96
ธุรกิจธนาคารพาณิชย์
ในไตรมาส 1/2561 สินเชื่อของธนาคารมีการขยายตัวที่ร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 โดยสินเชื่อมีการขยายตัวในเกือบทุกประเภท รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อที่เริ่มมีการขยายตัวที่ร้อยละ 0.7 หลังจากที่มีการหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ร้อยละ 4.7 ลดลงเมื่อ เทียบกับร้อยละ 5.0 ณ สิ้นปี 2560 ทางด้านธุรกิจบริหารหนี้ธนาคารขายทรัพย์รอการขายได้ในไตรมาส 1/2561 จำนวน 317 ล้านบาท และมีกำไรจากการขายทรัพยร์อการขาย 160 ล้านบาท ส่วนหนี้สินรวม (เงินฝากและอื่นๆ) มีจำนวน 230,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 จากสิ้นปี 2560
ในด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ในไตรมาส 1/2561 ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน สินเชื่อ KK SME คูณสาม ซึ่งเป็นสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยให้วงเงินสูงสุด3 เท่าของหลักประกันวงเงิน สูงสุด 15 ล้านบาท ในส่วนของการให้บริการ ธนาคารได้มีการพัฒนานวัตกรรมการบริการภายใต้การให้บริการ KK Magic Mirror ซึ่งเป็นการใหบ้ ริการที่ปรึกษาทางการเงินผ่านจอ LED แบบ interactive เพื่อเป็นการเพิ่มรูปแบบและช่องทางการ ให้บริการสำหรับผู้ที่สนใจด้านการวางแผนการเงินและการลงทุน
ในด้านคุณภาพของสินเชื่อมีปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษทัย่อยจำนวน 9,673 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.7 ของสินเชื่อรวม โดยเป็นอัตราส่วนที่ลดลงจาก ณ สิ้นปี 2560 ที่ร้อยละ 5.0 โดยปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจอสงัหาริมทรัพยย์งัคงมีการปรับตวัลดลงจากสิ้นปี 2560
ธุรกิจตลาดทุน
ประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน
ธุรกิจนายหน้า (Brokerage Business) โดย บล.ภัทร ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์แก่ลูกค้าประเภทสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ภายใต้บริการ Private Wealth Management สำหรับไตรมาส 1/2561 บล.ภัทร มีรายได้ค่านายหน้า 396 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 353 ล้านบาท รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 34 ล้านบาท และรายได้ค่านายหน้าอื่น 9 ล้านบาท นอกจากนี้ บล.ภัทร ยังมีรายได้ค่านายหน้าจากาการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุน 143 ล้านบาท
ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking Business) บล.ภัทร ประกอบธุรกิจวานิชธนกิจ ให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ในไตรมาส 1/2561 บล.ภัทร มีรายได้รวม 67 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ที่ปรึกษาทางการเงิน 60 ล้านบาท และรายได้การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 7 ล้านบาท
ธุรกิจการลงทุน (Investment Business) ปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากธุรกิจลงทุนจำนวน 234ล้านบาท
ธุรกิจจัดการกองทุน (Asset Management Business) โดย บลจ.ภัทร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการของกองทุนเป็นจำนวน 63,998 ล้านบาท มีกองทุนภายใต้การบริหารรวม 24 กองทุน
ผลการดำเนินงานรวมของธนาคารและบริษัทย่อย
อัตราส่วนต่างๆ (ร้อยละ) ไตรมาส1/2560 ไตรมาส2/2560 ไตรมาส3/2560 ไตรมาส 4/2560 ปี 2560 ไตรมาส 1/2561
อัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ 1.3 2.8 0.2 4.8 9.3 5.7
สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม 5.6 5.8 5.6 5.0 5.0 4.7
(ไม่รวมรายการระหว่างธนาคาร)
อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ 110.1 104.6 105.6 109.8 109.8 110.9
อัตราส่วนสำรองต่อสำรองตามเกณฑ์ 188.1 185.1 185.4 188.6 188.6 186.1