กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ขอเลื่อนการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรออกไป 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 เป็นต้นไป จากเหตุนายจ้างแจ้งข้อมูลการออกจากงานของผู้ประกันตนล่าช้า
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ปัจจุบัน สปส.จัดเก็บเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือน จากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท (เงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 83 บาท และไม่เกินเดือนละ 750 บาท) โดยผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และ ตาย ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน รวมทั้ง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน
สำหรับกรณี สงเคราะห์บุตรและชราภาพนั้นสปส.ขยายความคุ้มครอง โดยเริ่มมีการจัดเก็บเงินสมทบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2541 เป็นต้นมา ในอัตรานายจ้างร้อยละ 3 ผู้ประกันตนร้อยละ 3 และรัฐบาลสมทบอีกร้อยละ 1 ซึ่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนนั้น กรณีที่ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายคืนให้ผู้ประกันตนทั้งหมดรวมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการนำเงินดังกล่าวไปลงทุนด้วย และสำหรับผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพ ก็จะมีสิทธิได้รับเงินเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ดังนั้น เงินสงเคราะห์บุตร จึงเป็นเงินซึ่งรัฐจ่ายเพิ่มให้แก่ผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ คราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนเงิน 350 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน โดยไม่มีการเก็บเงินสมทบเพื่อกรณีนี้เป็นการเฉพาะ
การจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรที่ผ่านมาสปส.ต้องประสบปัญหาการจ่ายเงินเกินสิทธิให้ ผู้ประกันตนจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานะความมั่นคงของกองทุนในอนาคต จากการรวบรวมตัวเลข พบว่าสาเหตุที่มีการจ่ายเงินเกินสิทธิ ส่วนใหญ่มาจากการที่นายจ้างแจ้งข้อมูลการออกจากงานของผู้ประกันตนล่าช้า โดยนายจ้างร้อยละ 83 แจ้งข้อมูลการออกจากงานล่าช้าประมาณ 1-3 เดือน ทำให้สำนักงานประกันสังคมจะต้องติดตามเงินคืนจากผู้ประกันตน
ดังนั้น เพื่อให้กองทุนมีเสถียรภาพ สปส.จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาการประมวลผลตัดจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรรายเดือนใหม่ ให้มีระยะเวลารอ 3 เดือนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลการแจ้งออกจากงานของนายจ้าง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 เป็นต้นไป กล่าวคือ เงินสงเคราะห์บุตรของเดือนตุลาคม 2550 จะเลื่อนไปจ่าย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 และเงินสงเคราะห์บุตรของเดือนพฤศจิกายน 2550 จะเลื่อนไปจ่าย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 จากนั้นในเดือนถัดไปๆ จะเลื่อนการจ่ายโดยให้มีระยะเวลารอ 3 เดือนทุกครั้ง
สปส. ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเงินกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตน ขอยืนยันว่าผู้ประกันตนรายใดที่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร จะยังคงได้รับเงินครบถ้วนเหมือนเดิมเพียงแต่เลื่อนการจ่ายเงินให้มีระยะเวลารอ 3 เดือน (จากเดิม 1 เดือน) เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมต่อไป
ในการนี้ สปส. ขอความร่วมมือให้นายจ้างแจ้งข้อมูลการเข้า — ออกของผู้ประกันตนให้สปส.เขตพื้นที่/จังหวัด ทราบตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้น สปส. จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับต่อไป
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 www.sso go.th