กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--
SUPER เฮ! ผู้ถือหุ้นโหวตออกหุ้นกู้วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท รองรับแผนปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจในอนาคต เล็งขายนักลงทุนต่างชาติ พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น" ด้านผู้บริหาร "จอมทรัพย์ โลจายะ" ปักหมุดทำงานเต็มพิกัด เพื่อผลักดันให้รายได้-กำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) การรันตี ยื่นไฟลิ่งภายในไตรมาส 2 ปีนี้แน่นอน
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน2561 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 36,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างเงื่อนไขและต้นทุนทางด้านการเงินให้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำลง อีกทั้งเพิ่มกระแสเงินสด เพื่อรองรับการขยายงานของบริษัทฯ และการลงทุนในอนาคต โดยหุ้นกู้ดังกล่าวคาดว่าจะออกและเสนอขายแก่นักลงทุนต่างชาติในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
" แผนการออกหุ้นกู้ 3.6 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ คงเป็นการทยอยออกเป็นล็อต ๆ น่าจะเห็นล็อตแรกซึ่งจะเสนอขายนักลงทุนต่างชาติในครึ่งปีหลัง ผมอยากให้มั่นใจกับการออกหุ้นกู้ เชื่อว่าจะส่งผลดีกับบริษัทฯ เพราะเม็ดเงินที่เราได้ก็เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน การขยายงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าต่างประเทศตอนนี้ถือว่าเราให้น้ำหนัก เพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างอัตราผลตอบแทน( EIRR)เฉลี่ยที่สูง 15-22% " นายจอมทรัพย์กล่าว
ทั้งนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น SUPER ยังได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจพลังงานทดแทนที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนในการขยายการลงทุนออกไปสู่ต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563
เขากล่าวต่อว่า ในส่วนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) มูลค่า 9,000 ล้านบาทโดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้น ขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอยู่ระหว่างการปรึกษาหารืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ (ตลท. ) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ในปลายเดือนพฤษภาคม -มิถุนายน หรือภายในไตรมาส2นี้ จึงอยากให้เชื่อมั่นว่าบริษัทฯยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ และไม่ได้มีแนวคิดล้มเลิกการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวแต่อย่างใด
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 ที่ผ่านมาสำนักงานก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องการปรับปรุงเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดอุปสรรคในการใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านโรงไฟฟ้า ซึ่งมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นการปรับกฎเกณฑ์เพื่อให้สอดรับกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558 – 2579 ของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนและขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก
เกณฑ์ที่ปรับปรุงจะเอื้อให้ผู้ประกอบกิจการที่มีโรงไฟฟ้าขนาดเล็กหลายโครงการสามารถระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยจะยกเลิกข้อกำหนดมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำสำหรับแต่ละโครงการจากเดิมที่กำหนดไว้ที่โครงการละ 500 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น ทั้งนี้มูลค่าเงินลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในกิจการโรงไฟฟ้าทุกโครงการรวมกันแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ทำให้บริษัทสามารถจัดตั้งกองทุนฯได้ตามแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตามทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ หลังจากที่ได้ศึกษาการลงทุนแล้วพบว่ามีโอกาสสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอและให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จ ผลประกอบการเติบโตได้ดี แม้มีบางประเด็นที่นักลงทุนกังวล ซึ่งยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่มีปัญหาในเรื่องแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการขยายการลงทุน เนื่องจากโครงการต่างๆ มีวงเงินจากสถาบันการเงินเตรียมรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว