กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--เจเคเอ็น โกบอล มีเดีย
มีข่าวให้ฮือฮาอยู่เรื่อยสำหรับ บริษัท เจเคเอ็น โกบอล มีเดีย จำกัด(มหาชน) ภายใต้การบริหารงานของ "แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" ล่าสุดก็ไปร่วมงาน "ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนลฟิล์ม มาร์ท" ที่ฮ่องกง เปิดบูธขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ประกอบด้วย ซีรี่ย์อินเดีย จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ Porus ศึกสองราชันย์, Prithvi Vallabh วัลลภ มหากษัตริย์ชาตินักรบ และ Ganesha ไอยรามหาเทพ และภาพยนตร์สารคดีจากโปรเจค JKN Originals อีก 3เรื่อง รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ลิขสิทธิ์คอนเทนท์ประเภทละครไทยของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จำนวน 7 เรื่อง จากที่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมดจำนวน 47 เรื่อง โดยบูธของเจเคเอ็นเป็นที่สนใจ โดยเฉพาะ Porus ซีรีส์อินเดียโปรดักชั่นพันล้าน ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
โดยในปีนี้ JKN ตั้งเป้าออกบูทขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ตามงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ 4 งานครอบคลุมทั่วโลกทั้งเอเชียและยุโรป และต้องการขยายไปยังกลุ่มประเทศใน CLMV หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม รวมถึงตลาดใหม่ๆ เช่น บรูไน มาเลเซีย ที่มีความนิยมประเภทลิขสิทธิ์คอนเทนต์คล้ายคลึงกับคนไทย โดยคาดว่าจากแผนงานการรุกจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศในปีนี้ทั้งหมด จะทำยอดขายได้ประมาณ 120 ล้านบาท ไม่รวมส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล
นอกจากนั้นแล้วขณะนี้ JKN กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเป็นผู้บริหารจัดการลิขสิทธิ์ของศิลปินต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ขณะนี้มีศิลปินดาราจากประเทศฟิลิปปินส์และอินเดียแสดงความสนใจเข้าร่วมสังกัดแล้ว ได้แก่ Ishant Bhanushali หรือน้องมารุติ หนุมานน้อย จากซีรีย์หนุมาน สงครามมหาเทพ ที่เตรียมเปิดตัวเป็นศิลปินคนแรกของ JKNซึ่ง แอน จักรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN ก็ได้เปิดเผยถึงแผนงานการบุกตลาดคอนเทนต์ต่างประเทศว่า...
"เราตั้งเป้าว่าปีนี้จะไปร่วมออกบูธตามงานเทศกาศภาพยนตร์นานาชาติ 4 งานทั้งในอาเซียน เอเชียและยุโรป เพื่อแนะนำและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่เรามีในมือให้แก่ผู้ที่สนใจเพื่อนำไปออกอากาศผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงจะเป็นตัวแทนนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ผลิตรายการจากสถานีโทรทัศนทีวีดิจิทัลของคนไทยไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่สถานีโทรทัศน์ ซึ่ง JKN มีเป้าหมายต้องการขยายไปยังกลุ่มประเทศใน CLMV หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม รวมถึงตลาดใหม่ๆ เช่น บรูไน มาเลเซีย ที่มีความนิยมประเภทลิขสิทธิ์คอนเทนต์คล้ายคลึงกับคนไทย โดยคาดว่าจากแผนงานการรุกจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศในปีนี้ทั้งหมด จะทำยอดขายได้ประมาณ 120 ล้านบาท ไม่รวมส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล"